เห็ดหูหนู (Wood Ear Mushroom) เป็นเห็ดที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหลากหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในอาหารจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เห็ดชนิดนี้มีลักษณะพิเศษคือเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ สีดำหรือน้ำตาลเข้ม และมีรูปร่างคล้ายหูหนู จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก นอกจากความอร่อยแล้ว เห็ดหูหนูยังเป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงระบบไหลเวียนโลหิต เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หรือช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังเป็นวัตถุดิบที่สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายประเภท ทำให้เป็นที่นิยมในครัวเรือนและร้านอาหารทั่วโลก


ทำความรู้จักเห็ดหูหนู
เห็ดหูหนูเป็นเห็ดที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ชื้น มักพบในป่าเขตร้อนและเขตอบอุ่น โดยมักขึ้นตามต้นไม้ที่เน่าเปื่อย เช่น ต้นไม้ผลัดใบหรือไม้เนื้ออ่อน เห็ดหูหนูมีหลากหลายสายพันธุ์ โดยพันธุ์ที่นิยมบริโภคมากที่สุดคือเห็ดหูหนูดำและเห็ดหูหนูขาว พวกมันมีลักษณะบาง โปร่งแสงเล็กน้อย และมีผิวสัมผัสนุ่มลื่นเมื่อแช่น้ำให้พองเต็มที่
เห็ดหูหนูไม่เพียงแต่ถูกนำมาใช้ในด้านการประกอบอาหารเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในวงการแพทย์แผนจีนโบราณ ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถช่วยบำรุงร่างกายและรักษาโรคบางชนิดได้ นอกจากนี้ยังมีการเพาะเลี้ยงเห็ดหูหนูในเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจที่ให้ผลผลิตสูงและดูแลรักษาได้ง่าย
เห็ดหูหนูมีสารอาหารอะไรบ้าง
เห็ดหูหนูเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่มีคุณค่าหลากหลาย ได้แก่:
- สารอาหาร
- ไขมันทั้งหมด
- คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด
- โปรตีน
- แคลเซียม
- เหล็ก
- วิตามินซี
- วิตามินบี B2
- ฟอสฟอรัส
- จำนวน
- 2%
- 24%
- 14%
- 332.6%
- 14.3%
- 0.38 %
- 1.17%
- 122.1 %
แหล่งข้อมูลประกอบ: Calforlife
ประโยชน์ของเห็ดหูหนู
เห็ดหูหนู (Wood Ear Mushroom) เป็นเห็ดที่นิยมใช้ในอาหารเอเชีย โดยเฉพาะอาหารจีนและไทย นอกจากความอร่อยแล้ว ยังมีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยาอีกมากมาย ดังนี้:
ประโยชน์ทางโภชนาการ
1. ไฟเบอร์สูง
เห็ดหูหนูเป็นแหล่งของไฟเบอร์ที่ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร โดยช่วยเพิ่มมวลอุจจาระและกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น จึงช่วยป้องกันอาการท้องผูกและช่วยลดอาการท้องอืด นอกจากนี้ ไฟเบอร์ยังช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 รวมถึงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดอีกด้วย
2. แคลอรี่ต่ำ
เห็ดหูหนูมีแคลอรี่ต่ำและไขมันต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักและผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือรักษาน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรับพลังงานจากอาหารที่สูงเกินไป เห็ดหูหนูจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มปริมาณอาหารในมื้อที่มีแคลอรี่จำกัด เช่น การทานในสลัดหรือข้าวผัด
3. วิตามินและแร่ธาตุ
เห็ดหูหนูมีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้:
- วิตามิน B (เช่น วิตามิน B2, B5, B6) ซึ่งช่วยในการบำรุงระบบประสาทและการเผาผลาญพลังงานจากอาหาร
- ธาตุเหล็ก ที่ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและป้องกันโรคโลหิตจาง
- แคลเซียม ที่จำเป็นสำหรับการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- แมกนีเซียม ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท รวมถึงช่วยในการควบคุมการเต้นของหัวใจ
- โพแทสเซียม ที่ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตและส่งเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท
4. สารต้านอนุมูลอิสระ
เห็ดหูหนูยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและมะเร็ง การรับประทานเห็ดหูหนูที่มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
5. ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
เห็ดหูหนูมีฤทธิ์ในการช่วยปรับสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องเบาหวานหรือการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
6. โปรตีนจากพืช
แม้จะไม่ใช่แหล่งโปรตีนหลักเหมือนเนื้อสัตว์ แต่เห็ดหูหนูยังมีโปรตีนจากพืชที่ดีต่อร่างกาย โดยสามารถเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกายได้


สรรพคุณทางยา
1. บำรุงเลือด
เห็ดหูหนูมีสรรพคุณในการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ซึ่งส่งผลดีต่อการบำรุงเลือด โดยเฉพาะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ในการปรับสมดุลการทำงานของระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นทั่วร่างกาย ทำให้การขนส่งออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ มีประสิทธิภาพ
2. ลดไขมันในเลือด
เห็ดหูหนูมีสารที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และสามารถเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลดี (HDL) ซึ่งจะช่วยในการป้องกันการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจได้ โดยการลดระดับไขมันในเลือด และยังสามารถช่วยลดการอุดตันในหลอดเลือดที่อาจเป็นสาเหตุของโรคเส้นเลือดอุดตัน
3. เสริมภูมิคุ้มกัน
เห็ดหูหนูอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ เช่น สารพอลิแซคคาไรด์ (Polysaccharides) ซึ่งช่วยในการเสริมสร้างและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคและไวรัสต่างๆ ได้ดีขึ้น จึงช่วยป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
4. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
ด้วยคุณสมบัติในการช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต และลดไขมันในเลือด เห็ดหูหนูมีบทบาทในการลดความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด รวมถึงช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลดไขมันและคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในเลือดช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน และการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ
5. ขับสารพิษ
เห็ดหูหนูมีคุณสมบัติในการช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะการขับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม ซึ่งมักจะสะสมในร่างกายจากการสัมผัสมลพิษหรืออาหารที่ปนเปื้อนสารพิษ การขับสารพิษเหล่านี้ช่วยลดภาระให้กับตับและไต ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายสะอาดจากสารพิษและเสริมสุขภาพโดยรวม
6. บรรเทาอาการอักเสบ
เห็ดหูหนูยังมีฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการปวดจากการอักเสบต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบ หรือการอักเสบของเนื้อเยื่อ ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูจากการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อได้เร็วขึ้น
7. ช่วยในการบำรุงสุขภาพตับ
การบริโภคเห็ดหูหนูสามารถช่วยบำรุงตับและปรับสมดุลการทำงานของตับ ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการกรองสารพิษออกจากเลือด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคตับต่างๆ เช่น ตับอักเสบหรือตับแข็ง โดยช่วยให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
8. ช่วยลดอาการแพ้
เห็ดหูหนูมีฤทธิ์ต้านการแพ้ที่ช่วยลดอาการแพ้ต่างๆ เช่น คัดจมูก หอบหืด หรืออาการคันจากภูมิแพ้ โดยช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้นและลดการตอบสนองที่เกินไปจากระบบภูมิคุ้มกัน
ข้อควรระวัง
- ควรล้างให้สะอาดก่อนปรุง เพราะเห็ดหูหนูมักมีฝุ่นหรือดินปนเปื้อน
- ไม่ควรกินดิบ เพราะอาจมีแบคทีเรียที่เป็นอันตราย
- สำหรับผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานในปริมาณมาก เพราะเห็ดหูหนูมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด
เห็ดหูหนูสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนูทั้งในอาหารคาวและขนมหวาน! นี่คือบางเมนูที่สามารถทำจากเห็ดหูหนู:

1. ยำเห็ดหูหนู
ยำเห็ดหูหนูเป็นเมนูที่ทำง่ายและรวดเร็ว เห็ดหูหนูจะถูกหั่นเป็นชิ้นบางๆ แล้วนำไปคลุกเคล้ากับเครื่องยำที่มีรสจัดจ้าน เช่น พริกขี้หนู กระเทียม น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย พร้อมทั้งผักสดอย่าง ถั่วฝักยาว, หอมแดง, และใบสะระแหน่ เพิ่มรสชาติที่เผ็ดร้อนและกลิ่นหอมจากสมุนไพรไทย ทำให้เมนูนี้อร่อยและสดชื่น เป็นอาหารที่สามารถทานได้ทั้งเป็นกับข้าวหรือเป็นอาหารว่างก็ได้

2. แกงจืดเห็ดหูหนู
แกงจืดเห็ดหูหนูเป็นเมนูน้ำซุปใสที่ง่ายและมีรสชาติอ่อนๆ เหมาะสำหรับมื้อเบาๆ เห็ดหูหนูจะทำให้ซุปมีความกรอบและนุ่มในเวลาเดียวกัน สามารถใส่หมูสับหรือไก่สับตามชอบ เพิ่มผักต่างๆ เช่น ผักกาดขาว, เห็ดหอม, หรือฟักทอง เพื่อเพิ่มความอร่อยและความหลากหลายของรสชาติ นอกจากนี้ยังสามารถเติมเกลือหรือซีอิ๊วขาวเพื่อปรับรสชาติให้กลมกล่อม

3. เห็ดหูหนูผัดไข่

4. ยำเห็ดหูหนูใส่หมูสับ
ยำเห็ดหูหนูใส่หมูสับ เป็นเมนูที่มีรสชาติจัดจ้านและเปรี้ยวหวานจากน้ำยำ โดยการนำเห็ดหูหนูมาคลุกเคล้ากับหมูสับที่ปรุงรสแล้ว เพิ่มความกรอบจากเห็ดหูหนูและรสชาติกลมกล่อมจากหมูสับ ยำนี้ยังใส่เครื่องยำต่างๆ เช่น พริกขี้หนู กระเทียม น้ำปลา น้ำมะนาว และผักสดต่างๆ เช่น ถั่วฝักยาวและใบสะระแหน่ เพื่อเพิ่มความสดชื่นและรสชาติที่เผ็ดร้อน เหมาะสำหรับทานเป็นกับข้าวหรือเป็นอาหารว่างก็อร่อย
เครื่องหั่นผัก
เครื่องหั่นผัก เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำอาหาร ช่วยให้การหั่น, ซอย, สไลซ์ หรือบดผักเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ทำให้ประหยัดเวลาในการเตรียมอาหาร เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานในครัวเรือนและร้านอาหาร