ขนมเปี๊ยะ (หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Mooncake) เป็นขนมพื้นบ้านที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน และเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมจีนในหลายช่วงเวลาของปี โดยเฉพาะในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ขนมชนิดนี้ไม่ได้เพียงแค่เป็นอาหารอันโอชะ แต่ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ในทุกชั้นของแป้งและไส้ขนม นอกจากนี้ ขนมเปี๊ยะยังเป็นเครื่องสะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนประเพณีระหว่างประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ขนมเปี๊ยะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและความชื่นชอบของคนไทยในปัจจุบัน

ต้นกำเนิดและประวัติศาสตร์
ขนมเปี๊ยะมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี โดยเริ่มต้นในยุคราชวงศ์ถัง (Tang Dynasty) ในประเทศจีน เดิมทีขนมนี้ถูกใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาและการเฉลิมฉลองฤดูเก็บเกี่ยว ตำนานเล่าว่าขนมเปี๊ยะยังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการส่งสารลับระหว่างชาวจีนในยุคราชวงศ์หยวน (Yuan Dynasty) เพื่อวางแผนการลุกฮือต่อต้านการปกครองของมองโกล โดยข้อความลับจะถูกซ่อนอยู่ในไส้ของขนมเปี๊ยะ ทำให้ขนมชนิดนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ
เมื่อขนมเปี๊ยะถูกนำเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางการค้าขายและการย้ายถิ่นฐานของชาวจีนในอดีต ขนมนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย ขนมเปี๊ยะในประเทศไทยได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น การเพิ่มไส้ที่หลากหลายและการประยุกต์รูปลักษณ์ให้สวยงามเพื่อให้เหมาะสมกับรสนิยมของคนไทย
คุณค่าทางโภชนาการของ ขนมเปี๊ยะ
ข้อมูลโภชนาการขอ ขนมเปี๊ยะ เปรียบเทียบโดย 1 ส่วน ต่อวัน
สารอาหาร
- สารอาหาร
- พลังงานทั้งหมด
- พลังงานจากไขมัน
- ไขมันทั้งหมด
- ไขมันอิ่มตัว
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
- คลอเรสเตอรอล
- โซเดียม
- โพแทสเซียม
- คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด
- น้ำตาล
- โปรตีน
- ปริมาณในขนมเปี๊ยะ
- 115
- 48.6
- 5.4 กรัม
- 1.2 กรัม
- 2.1 กรัม
- 1.6กรัม
- 91.2 มิลลิกรัม
- 20.7 มิลลิกรัม
- 20.7 มิลลิกรัม
- 14.1 มิลลิกรัม
- 7 กรัม
- 2.2 กรัม
แร่ธาตุ
- แร่ธาตุ
- วิตามินเอ
- แคลเซียม
- เหล็ก
- วิตามืนดี
- วิตามินบี 6
- วิตามินบี 12
- แมกนีเซียม
- ปริมาณในขนมเปี๊ยะ
- 2.1 %
- 1.23 %
- 4.99 %
- 3.2 %
- 2.18 %
- 2.7 %
- 0.64 %
แหล่งข้อมูลประกอบ: Calforlife
ส่วนผสมและวิธีการทำ
ขนมเปี๊ยะเป็นขนมหวานที่มีต้นกำเนิดจากจีน มีลักษณะเป็นแป้งบางๆ ห่อไส้หวาน โดยเฉพาะไส้ถั่วเขียวหวานหรือไส้ไข่เค็ม วันนี้เราจะมาแนะนำวัถุดิบและขั้นตอนการทำขนมเปี๊ยะแบบทั่วไป

วัถุดิบ
-
ส่วนของแป้ง
- แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งข้าวเหนียว 200 กรัม
- แป้งสาลี (หรือแป้งเอนกประสงค์) 100 กรัม
- น้ำตาลทราย 50 กรัม
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 50-60 มิลลิลิตร (ปรับตามความชื้นของแป้ง)
- ผงฟู 1 ช้อนชา
-
ส่วนของไส้
- ถั่วเขียวเลาะเปลือก 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- ไข่เค็ม (เลือกใช้ตามชอบ)
-
น้ำทาแป้ง
- น้ำมันพืชสำหรับทาแป้ง
ขั้นตอนการทำ
-
เตรียมไส้ถั่วเขียว(หรือไส้อะไรก็ได้ตามใจชอบ)
- แช่ถั่วเขียวในน้ำประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นนำมาต้มในน้ำเดือดจนถั่วนิ่ม
- นำถั่วที่ต้มสุกมาปั่นให้ละเอียด หรือใช้เครื่องบด
- ผสมถั่วบดกับน้ำตาลทรายและเกลือ นำไปผัดในกระทะโดยใช้ไฟกลางจนแห้งและเนียน
- เติมน้ำมันพืชลงไปผัดให้เข้ากัน จากนั้นปั้นไส้เป็นก้อนกลมๆ ขนาดเล็กตามที่ต้องการ (ประมาณ 15-20 กรัมต่อชิ้น)
-
เตรียมแป้ง
- ผสมแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งข้าวเหนียว ผงฟู และน้ำตาลทรายให้เข้ากัน
- เติมน้ำมันพืชและน้ำลงไปผสม จนแป้งเนียนและสามารถจับตัวได้ ถ้าแป้งแห้งเกินไปสามารถเติมน้ำทีละน้อย
- นวดแป้งให้เนียนประมาณ 10-15 นาที จากนั้นพักแป้งไว้ประมาณ 20 นาที
-
ห่อขนม
- แบ่งแป้งออกเป็นก้อนเล็กๆ (ประมาณ 20 กรัมต่อก้อน) และคลึงให้เป็นแผ่นบางๆ
- ใส่ไส้ถั่วเขียวที่ปั้นไว้ลงไปในแผ่นแป้ง แล้วห่อให้มิด
- ใช้นิ้วกดให้ขอบแป้งติดกันและจับให้รูปทรงกลม
-
การอบขนม
- ตั้งเตาอบที่อุณหภูมิ 170°C
- วางขนมเปี๊ยะบนถาดอบที่รองด้วยกระดาษไขหรือทาไขมัน
- อบขนมประมาณ 15-20 นาที หรือจนแป้งมีสีทอง
- เมื่อนำออกจากเตาแล้ว ทาน้ำมันพืชบางๆ บนผิวขนมเพื่อเพิ่มความเงางาม
-
เสิร์ฟ
- ขนมเปี๊ยะสามารถเสิร์ฟได้ทั้งร้อนและเย็น ตามความชอบ

เคล็ดลับการทำขนมเปี๊ยะ
- นวดแป้ง: นวดแป้งให้เนียนและยืดหยุ่นประมาณ 10-15 นาที และพักแป้ง 20 นาที เพื่อให้แป้งไม่แตกขณะห่อ
- ทำไส้ถั่วเขียว: บดถั่วให้ละเอียดและผัดกับน้ำตาลจนแห้ง เติมน้ำมันเพื่อให้เนียน ไม่หวานเกินไป
- ห่อขนม: ห่อแป้งให้มิดและแน่น ไส้ไม่ควรใหญ่เกินไป แป้งต้องบางพอดี
- อบขนม: อบที่ 170°C ประมาณ 15-20 นาที หรือจนแป้งสีทอง ทาน้ำมันพืชบางๆ บนผิวขนมหลังอบ
- เก็บรักษา: เก็บขนมในกล่องปิดสนิทที่แห้งหรือในตู้เย็น หากเก็บในตู้เย็นให้ทิ้งไว้อุ่นก่อนทาน
เคล็ดลับเหล่านี้จะทำให้ขนมเปี๊ยะอร่อยและกรอบมากขึ้นครับ
ความหมายและความสำคัญทางวัฒนธรรม

ขนมเปี๊ยะมีความหมายที่ลึกซึ้งในเชิงวัฒนธรรม โดยเฉพาะในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งขนมนี้ถูกมอบให้เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี ความอุดมสมบูรณ์ และความโชคดี การแบ่งปันขนมเปี๊ยะให้กับครอบครัวและเพื่อนฝูงถือเป็นการแสดงความรักและความปรารถนาดีต่อกัน นอกจากนี้ ในบางพื้นที่ขนมเปี๊ยะยังถูกใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาและการขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์ของขนมเปี๊ยะ เช่น รูปทรงกลมยังแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียว ความสมบูรณ์ และความกลมเกลียวในครอบครัว
ในประเทศไทย การมอบขนมเปี๊ยะในเทศกาลสำคัญหรือโอกาสพิเศษ เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันเกิด หรือวันแต่งงาน ถือเป็นการส่งมอบความสุขและความปรารถนาดีให้กับผู้รับ ขนมเปี๊ยะยังถูกนำมาใช้ในฐานะของฝากที่แสดงถึงความรักและความเคารพระหว่างกันอีกด้วย
ขนมเปี๊ยะในยุคปัจจุบัน
ในปัจจุบัน ขนมเปี๊ยะได้ถูกพัฒนาให้มีรูปแบบและรสชาติที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและรสนิยมของผู้บริโภค เช่น ขนมเปี๊ยะมินิที่พกพาสะดวก ขนมเปี๊ยะที่ออกแบบมาในรูปทรงน่ารัก หรือขนมเปี๊ยะที่มีรสชาติใหม่ ๆ เช่น ช็อกโกแลต มะม่วง หรือชาไทย นอกจากนี้ยังมีขนมเปี๊ยะในรูปแบบฟิวชันที่ผสมผสานวัฒนธรรมการทำขนมจากชาติต่าง ๆ เช่น ขนมเปี๊ยะที่มีการใส่ไส้แบบตะวันตกอย่างครีมชีส หรือเบอร์รี่ ทำให้ขนมชนิดนี้ยังคงได้รับความนิยมและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทุกวัย
นอกจากนี้ การผลิตขนมเปี๊ยะในเชิงพาณิชย์ยังพัฒนาขึ้นอย่างมาก โดยมีการใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยในการผลิต ทำให้สามารถผลิตขนมได้ในปริมาณมากและคงคุณภาพของสินค้าไว้อย่างดี ร้านขนมเปี๊ยะในยุคปัจจุบันยังใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางสำคัญในการโปรโมตสินค้า ส่งผลให้ขนมเปี๊ยะเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ไม่เพียงแต่ในประเทศของตน แต่ยังส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศอีกด้วย
ขนมเปี๊ยะจึงไม่เพียงแต่เป็นขนมที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ที่สร้างรายได้และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง
เตาอบลมร้อน
ถ้าใช้ เตาอบลมร้อน (Convection Oven) สำหรับการทำขนมเปี๊ยะ ควรปรับอุณหภูมิและเวลาให้เหมาะสม เนื่องจากเตาอบลมร้อนจะกระจายความร้อนทั่วถึงและมีการเคลื่อนไหวของอากาศ ทำให้การอบสม่ำเสมอและรวดเร็วขึ้น ดังนี้:
- อุณหภูมิ: ลดอุณหภูมิจากการอบแบบปกติลง 10-20°C (จาก 170°C ลงเหลือ 150-160°C)
- เวลาอบ: เวลาอบอาจจะเร็วขึ้นเล็กน้อย ปกติจะอบประมาณ 12-18 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดและความหนาของขนม
แนะนำให้สังเกตขนมขณะอบ และหมุนถาดหรือเปลี่ยนตำแหน่งขนมในช่วงกลางการอบ เพื่อให้ขนมอบได้ทั่วถึง