ลาซานญ่า (Lasagna) เป็นอาหารที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของอิตาลี ด้วยชั้นพาสต้าแผ่นบางที่วางสลับกับซอสหลากรสชาติและชีสที่เยิ้ม ๆ ทำให้เมนูนี้กลายเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นมื้ออาหารที่บ้าน ร้านอาหาร หรือโอกาสพิเศษต่าง ๆ
ด้วยความหลากหลายและความอร่อยที่เกิดจากการผสมผสานวัตถุดิบหลายชนิดเข้าด้วยกัน ลาซานญ่าจึงไม่ใช่แค่อาหารธรรมดา แต่ยังเป็นเมนูที่สื่อถึงความประณีตและศิลปะการทำอาหารของชาวอิตาเลียนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การทำลาซานญ่ายังสะท้อนถึงวัฒนธรรมการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นชีสสด ซอสมะเขือเทศเข้มข้น หรือแป้งพาสต้าที่เหนียวนุ่ม ทุกองค์ประกอบล้วนถูกออกแบบมาเพื่อสร้างรสชาติที่สมบูรณ์แบบในทุกคำ
ลาซานญ่าจึงไม่เพียงแต่เป็นเมนูอาหารยอดนิยม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวของคนในครอบครัวและเพื่อนฝูง ที่มักใช้เวลาร่วมกันในการปรุงอาหารและลิ้มรสชาติของความสุขบนโต๊ะอาหาร

ต้นกำเนิดและประวัติศาสตร์
คำว่า “ลาซานญ่า” มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกคำว่า “Laganon” ซึ่งเป็นชื่อของแผ่นแป้งพาสต้าที่ถูกนำมาใช้ทำอาหารในยุคโบราณ โดยต้นกำเนิดของลาซานญ่าในรูปแบบที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบันนั้นมีประวัติความเป็นมายาวนาน และเชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดในแคว้น เอมิเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีชื่อเสียงด้านอาหารของประเทศอิตาลี
ในยุคกลาง (ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 13-14) ชาวอิตาลีเริ่มพัฒนาวิธีการทำพาสต้าโดยใช้แป้งสาลีและน้ำไข่ และนำมาทำเป็นแผ่นแป้งบาง ๆ สำหรับใช้เป็นฐานอาหารชนิดต่าง ๆ เมนูที่ใกล้เคียงกับลาซานญ่าที่สุดในสมัยนั้นคือการวางแผ่นพาสต้าแบน ๆ สลับกับส่วนผสมอย่างชีสและสมุนไพร จากนั้นนำไปอบ
ตำราอาหารที่บันทึกถึงลาซานญ่าอย่างชัดเจนปรากฏในเอกสารของอิตาลีที่ชื่อว่า “Liber de Coquina” (The Book of Cookery) ซึ่งเป็นหนึ่งในตำราอาหารที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ตำรานี้อธิบายถึงอาหารที่ใช้แป้งพาสต้าเรียงเป็นชั้น ๆ และวางสลับกับส่วนผสมอื่น ๆ แม้ในยุคนั้นส่วนผสมอาจยังไม่มีซอสมะเขือเทศ เนื่องจากมะเขือเทศถูกนำเข้ามาในยุโรปหลังจากการค้นพบทวีปอเมริกาในคริสต์ศตวรรษที่ 16
ในเวลาต่อมา ลาซานญ่าได้รับการปรับปรุงและพัฒนาจนกลายเป็นเมนูที่มีความหลากหลายในแต่ละภูมิภาคของอิตาลี โดยในแคว้น เอมิเลีย-โรมัญญา สูตรดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการใช้ ซอสโบโลเนส (Bolognese) และ ซอสเบชาเมล (Béchamel) ที่เข้ากันได้ดีกับแป้งพาสต้าและชีสคุณภาพสูง ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานของลาซานญ่าที่เรารู้จักในปัจจุบัน
จากต้นกำเนิดในอิตาลี ลาซานญ่าได้เดินทางไปสู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกพร้อมกับการอพยพของชาวอิตาเลียนในศตวรรษที่ 19 และ 20 ทำให้เมนูนี้กลายเป็นที่รู้จักในหลากหลายวัฒนธรรม และมีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับวัตถุดิบและรสนิยมของคนในแต่ละพื้นที่
ส่วนประกอบหลักของลาซานญ่า
ลาซานญ่ามีส่วนประกอบสำคัญหลายอย่างที่รวมกันสร้างรสชาติที่เข้มข้นและความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ ส่วนประกอบเหล่านี้เป็นหัวใจของเมนูที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ได้แก่:

1. แผ่นพาสต้า (Lasagna Sheets)
แผ่นแป้งพาสต้าคือส่วนประกอบหลักที่ใช้สร้างลักษณะชั้น ๆ ของลาซานญ่า โดยแผ่นพาสต้านี้ทำจากแป้งสาลีและไข่ ซึ่งให้ความเหนียวนุ่มและรสชาติที่เป็นกลาง เหมาะกับการซึมซับรสชาติของซอสและชีส บางสูตรอาจใช้แป้งกลูเตนฟรีสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน

2. ซอสโบโลเนส (Bolognese Sauce)
ซอสเนื้อที่ทำจากเนื้อวัวหรือหมูบด ผสมกับมะเขือเทศ กระเทียม หัวหอม ไวน์แดง และเครื่องเทศ เช่น ออริกาโนและใบกระวาน ซอสนี้เป็นตัวเพิ่มความเข้มข้นและมิติของรสชาติในลาซานญ่า

3. ซอสเบชาเมล (Béchamel Sauce)
ซอสสีขาวที่ทำจากเนย แป้งสาลี และนม เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่เพิ่มความนุ่มนวลให้กับลาซานญ่า ซอสเบชาเมลมักถูกใช้เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างชั้นซอสเนื้อและชีส

4. ชีส (Cheese)
ชีสเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เพิ่มความหอมและรสชาติให้กับลาซานญ่า ชีสที่นิยมใช้ได้แก่:
- มอซซาเรลล่า (Mozzarella): ให้ความยืดและเนื้อสัมผัสนุ่ม
- พาร์เมซาน (Parmesan): ให้ความหอมและรสชาติที่เข้มข้น
- ริคอตต้า (Ricotta): ใช้ในบางสูตรเพื่อเพิ่มความครีมมี่

5. สมุนไพรและเครื่องเทศ
สมุนไพรสด เช่น ออริกาโน โหระพา และพาร์สลีย์ ช่วยเพิ่มความสดชื่นและความหอมให้กับลาซานญ่า นอกจากนี้ยังอาจมีการใช้พริกไทยดำและเกลือเพื่อปรุงรส
วัตถุดิบเพิ่มเติมในลาซานญ่าประยุกต์
ลาซานญ่าบางสูตรอาจเพิ่มส่วนผสมพิเศษเพื่อตอบโจทย์รสนิยมที่หลากหลาย เช่น:
- ผัก (Vegetables): เช่น โขม ซูกินี และมะเขือเทศ สำหรับลาซานญ่ามังสวิรัติ
- อาหารทะเล (Seafood): เช่น กุ้ง ปลาหมึก และปลาแซลมอน สำหรับลาซานญ่าทะเล
- ซอสปรุงรสเพิ่มเติม: เช่น เพสโต้ (Pesto) สำหรับเพิ่มความหลากหลายของรสชาติ
ส่วนประกอบทั้งหมดนี้เมื่อประกอบรวมกันแล้ว จะสร้างลาซานญ่าที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย ทั้งนุ่ม ชุ่มฉ่ำ และกรอบนิด ๆ บนหน้าชีสที่อบจนเหลืองทอง
4 สูตรเมนูลาซานญ่า ทำตามได้ง่าย ๆ
ลาซานญ่าเป็นเมนูที่สามารถดัดแปลงและสร้างสรรค์ได้หลากหลายตามความชอบและวัตถุดิบที่มี ลองดู 4 สูตรลาซานญ่าทำง่ายที่เหมาะกับการทำที่บ้าน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปรในครัว!
1. ลาซานญ่าหมู (Pork Lasagna)
ลาซานญ่าหมูเป็นเมนูง่าย ๆ และอร่อยที่ใช้เนื้อหมูเป็นวัตถุดิบหลัก เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติกลมกล่อมของเนื้อหมูและซอสเข้มข้น ลองทำตามสูตรนี้ได้เลย!

ส่วนผสม:
สำหรับลาซานญ่า:
- แผ่นลาซานญ่า 9-12 แผ่น (ลวกพอสุก)
- เนื้อหมูบด 500 กรัม
- ซอสมะเขือเทศ 2 ถ้วย
- หัวหอมสับ 1 หัว
- กระเทียมสับ 2 กลีบ
- มอซซาเรลล่าชีสขูด 200 กรัม
- พาร์เมซานชีสขูด 50 กรัม
- ซอสเบชาเมล 2 ถ้วย
เครื่องปรุงรส:
- เกลือ 1 ช้อนชา
- พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา
- ออริกาโน 1 ช้อนชา
- ใบโหระพาสับ (ถ้ามี)
วิธีทำ:
-
เตรียมซอสหมู:
- ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง ใส่น้ำมันเล็กน้อยแล้วผัดหัวหอมและกระเทียมจนหอม
- ใส่เนื้อหมูบดลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และออริกาโน
- เติมซอสมะเขือเทศและเคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 10 นาทีจนซอสข้น จากนั้นพักไว้
-
เตรียมถาดลาซานญ่า:
- ทาซอสหมูที่ก้นถาดอบให้ทั่ว
- วางแผ่นลาซานญ่าให้เต็มชั้น แล้วทาซอสเบชาเมลบาง ๆ บนแผ่นพาสต้า
- โรยมอซซาเรลล่าชีสเล็กน้อย แล้วตักซอสหมูใส่ทับ ทำซ้ำชั้นนี้จนส่วนผสมหมด
-
เพิ่มชีสด้านบน:
- โรยชีสมอซซาเรลล่าและพาร์เมซานให้ทั่วชั้นบนสุด
-
นำไปอบ:
- อุ่นเตาอบที่ 180°C
- อบลาซานญ่าเป็นเวลา 30-40 นาที หรือจนชีสด้านบนเหลืองทอง
-
เสิร์ฟ:
- หลังอบเสร็จ พักลาซานญ่าให้เซ็ตตัวประมาณ 10 นาที แล้วตัดเสิร์ฟเป็นชิ้น พร้อมเสิร์ฟกับสลัดผักสด
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- สามารถเพิ่มผัก เช่น แครอทหรือซูกินีขูดฝอยลงในซอสหมูเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร
- หากต้องการรสเผ็ดเล็กน้อย ให้ใส่พริกป่นหรือพริกแห้งบดในซอส
ลาซานญ่าหมูจานนี้จะหอม นุ่ม และมีรสชาติเข้มข้นที่ครอบครัวคุณต้องชอบแน่นอน!
2. ลาซานญ่าไก่ (Chicken Lasagna)
ลาซานญ่าไก่เป็นอีกหนึ่งเมนูที่อร่อยและทำง่าย โดยใช้เนื้อไก่ที่ให้รสชาติอ่อนนุ่มและซอสเข้มข้น เหมาะสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนจากเนื้อวัวหรือหมู ลองทำตามสูตรนี้ดูได้เลย!
ส่วนผสม:
สำหรับลาซานญ่า:
- แผ่นลาซานญ่า 9-12 แผ่น (ลวกพอสุก)
- เนื้อไก่บด 500 กรัม (หรือใช้เนื้อไก่สับ)
- ซอสมะเขือเทศ 2 ถ้วย
- ซอสเบชาเมล 2 ถ้วย
- หัวหอมสับ 1 หัว
- กระเทียมสับ 2 กลีบ
- มอซซาเรลล่าชีสขูด 200 กรัม
- พาร์เมซานชีสขูด 50 กรัม
เครื่องปรุงรส:
- เกลือ 1 ช้อนชา
- พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา
- ออริกาโน 1 ช้อนชา
- ใบโหระพาสับ (เพิ่มความหอม)
วิธีทำ:
-
เตรียมซอสไก่:
- ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง ใส่น้ำมันเล็กน้อย ผัดหัวหอมและกระเทียมจนหอม
- ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และออริกาโน
- เติมซอสมะเขือเทศลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 10 นาทีจนซอสข้น แล้วพักไว้
-
เตรียมชั้นลาซานญ่า:
- ทาซอสไก่บาง ๆ ที่ก้นถาดอบ
- วางแผ่นลาซานญ่าให้เต็มชั้น จากนั้นทาซอสเบชาเมลบาง ๆ
- โรยมอซซาเรลล่าชีสเล็กน้อย แล้วตักซอสไก่ใส่ทับ ทำซ้ำชั้นนี้จนส่วนผสมหมด
-
เพิ่มชีสด้านบน:
- ในชั้นสุดท้าย โรยมอซซาเรลล่าและพาร์เมซานชีสให้ทั่วด้านบน
-
อบลาซานญ่า:
- อุ่นเตาอบที่ 180°C
- อบลาซานญ่าเป็นเวลา 30-40 นาที หรือจนชีสด้านบนเหลืองทอง
-
พักและเสิร์ฟ:
- หลังอบเสร็จ พักลาซานญ่าให้เซ็ตตัวประมาณ 10 นาที แล้วตัดเป็นชิ้นเสิร์ฟพร้อมขนมปังกระเทียมหรือสลัดผักสด

เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- หากต้องการเพิ่มสีสันและคุณค่าทางอาหาร สามารถใส่ผัก เช่น แครอทขูดฝอยหรือเห็ดหั่นบางลงในซอสไก่
- เปลี่ยนซอสมะเขือเทศเป็นซอสเพสโต้หรือซอสครีมเพื่อเพิ่มความหลากหลาย
ลาซานญ่าไก่จานนี้ให้รสชาติที่นุ่มละมุนและกลมกล่อม เหมาะสำหรับทุกมื้ออาหารพิเศษของคุณ!
3. ลาซานญ่าเต้าหู้ (Tofu Lasagna)
ลาซานญ่าเต้าหู้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการเมนูมังสวิรัติหรืออยากลดการบริโภคเนื้อสัตว์ เต้าหู้ให้โปรตีนที่ดีต่อสุขภาพและเข้ากันได้ดีกับซอสและชีส ลองทำลาซานญ่าที่อร่อยและง่ายด้วยสูตรนี้!

ส่วนผสม:
สำหรับลาซานญ่า:
- แผ่นลาซานญ่า 9-12 แผ่น (ลวกพอสุก)
- เต้าหู้ขาว 300 กรัม (บีบน้ำออกและบดหยาบ)
- ซอสมะเขือเทศ 2 ถ้วย
- ซอสเบชาเมล 2 ถ้วย
- ผักโขมลวก 200 กรัม (สับหยาบ)
- มอซซาเรลล่าชีสขูด 200 กรัม
- พาร์เมซานชีสขูด 50 กรัม
เครื่องปรุงรส:
- เกลือ 1 ช้อนชา
- พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา
- ออริกาโน 1 ช้อนชา
- กระเทียมสับ 2 กลีบ
- ใบโหระพาสับ
วิธีทำ:
-
เตรียมไส้เต้าหู้:
- ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง ใส่น้ำมันเล็กน้อย
- ผัดกระเทียมจนหอม จากนั้นใส่เต้าหู้บดลงไปผัด
- เติมซอสมะเขือเทศ ผักโขม ออริกาโน เกลือ และพริกไทย ผัดให้เข้ากัน เคี่ยวจนซอสข้น แล้วพักไว้
-
เตรียมชั้นลาซานญ่า:
- ทาซอสเต้าหู้บาง ๆ ที่ก้นถาดอบ
- วางแผ่นลาซานญ่าให้เต็มชั้น จากนั้นทาซอสเบชาเมลบาง ๆ
- โรยมอซซาเรลล่าชีสเล็กน้อย แล้วตักซอสเต้าหู้ใส่ทับ ทำซ้ำชั้นนี้จนส่วนผสมหมด
-
เพิ่มชีสด้านบน:
- ในชั้นสุดท้าย โรยมอซซาเรลล่าและพาร์เมซานชีสให้ทั่ว
-
อบลาซานญ่า:
- อุ่นเตาอบที่ 180°C
- อบลาซานญ่าเป็นเวลา 30-35 นาที หรือจนชีสด้านบนเหลืองทอง
-
พักและเสิร์ฟ:
- หลังอบเสร็จ พักลาซานญ่าให้เซ็ตตัวประมาณ 10 นาที แล้วตัดเป็นชิ้นเสิร์ฟพร้อมสลัดผักสดหรือซุป
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- หากต้องการเพิ่มรสชาติเต้าหู้ สามารถหมักเต้าหู้ด้วยซอสถั่วเหลืองหรือซอสเพสโต้ก่อนนำมาผัด
- ใช้ชีสมังสวิรัติแทนมอซซาเรลล่าและพาร์เมซาน หากต้องการทำเป็นลาซานญ่ามังสวิรัติเต็มรูปแบบ
ลาซานญ่าเต้าหู้จานนี้เป็นเมนูที่อร่อยและสุขภาพดี เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว
4. ลาซานญ่าผักโขม (Spinach Lasagna)
ลาซานญ่าผักโขม เมนู ลาซานญ่า ที่เหมาะกับคนรักสุขภาพ กินคู่กับชีสต่าง ๆรับรองว่าจะได้รสชาติที่เค็มอร่อย และ ดีต่อสุขภาพ โดยไม่จำเป็นต้องใช้แต่ผักโขมเสมอไป คุณสามารถใส่เนื้ออกไก่ หรือ เนื้อหมู เนื้อบด ลงไปด้วยก็ได้
ส่วนผสม:
สำหรับลาซานญ่า:
- แผ่นลาซานญ่า 9-12 แผ่น (ลวกพอสุก)
- ผักโขมลวก 300 กรัม (บีบน้ำออกและสับหยาบ)
- ริคอตต้าชีส 250 กรัม (หรือคอทเทจชีส)
- ซอสเบชาเมล 2 ถ้วย
- มอซซาเรลล่าชีสขูด 200 กรัม
- พาร์เมซานชีสขูด 50 กรัม
เครื่องปรุงรส:
- เกลือ 1 ช้อนชา
- พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา
- ลูกจันทน์เทศขูด (Nutmeg) 1/4 ช้อนชา (เพิ่มความหอม)
- กระเทียมสับ 2 กลีบ
- ใบโหระพาสับ
วิธีทำ:
-
เตรียมไส้ผักโขม:
- ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง ใส่น้ำมันเล็กน้อย
- ผัดกระเทียมจนหอม จากนั้นใส่ผักโขมลงไปผัดเล็กน้อย ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และลูกจันทน์เทศ
- ผสมผักโขมที่ผัดไว้กับริคอตต้าชีสและใบโหระพาสับในชาม ผสมให้เข้ากัน
-
เตรียมชั้นลาซานญ่า:
- ทาซอสเบชาเมลบาง ๆ ที่ก้นถาดอบ
- วางแผ่นลาซานญ่าให้เต็มชั้น จากนั้นทาไส้ผักโขมที่เตรียมไว้บาง ๆ
- โรยมอซซาเรลล่าชีสเล็กน้อย ทำซ้ำชั้นนี้จนส่วนผสมหมด
-
เพิ่มชีสด้านบน:
- ในชั้นสุดท้าย โรยมอซซาเรลล่าและพาร์เมซานชีสให้ทั่ว
-
อบลาซานญ่า:
- อุ่นเตาอบที่ 180°C
- อบลาซานญ่าเป็นเวลา 30-35 นาที หรือจนชีสด้านบนเหลืองทอง
-
พักและเสิร์ฟ:
- หลังอบเสร็จ พักลาซานญ่าให้เซ็ตตัวประมาณ 10 นาที แล้วตัดเป็นชิ้นเสิร์ฟพร้อมสลัดผักสด

เตาอบลมร้อน
ถ้าใช้ เตาอบลมร้อน (Convection Oven) สำหรับการทำขนมเปี๊ยะ ควรปรับอุณหภูมิและเวลาให้เหมาะสม เนื่องจากเตาอบลมร้อนจะกระจายความร้อนทั่วถึงและมีการเคลื่อนไหวของอากาศ ทำให้การอบสม่ำเสมอและรวดเร็วขึ้น ดังนี้:
- อุณหภูมิ: ลดอุณหภูมิจากการอบแบบปกติลง 10-20°C (จาก 170°C ลงเหลือ 150-160°C)
- เวลาอบ: เวลาอบอาจจะเร็วขึ้นเล็กน้อย ปกติจะอบประมาณ 12-18 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดและความหนาของขนม
แนะนำให้สังเกตขนมขณะอบ และหมุนถาดหรือเปลี่ยนตำแหน่งขนมในช่วงกลางการอบ เพื่อให้ขนมอบได้ทั่วถึง