
การมีสุขภาพ ที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่การออกกำลังกายเท่านั้น แต่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ปัจจุบัน การเลือกกินอาหารเพื่อสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะช่วยให้มีชีวิตยืนยาวและป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน นอกจากนี้ อาหารเพื่อสุขภาพยังช่วยเสริมสร้างพลังงานในชีวิตประจำวัน รักษาสมดุลน้ำหนัก และส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี
หลายคนอาจมองว่าอาหารเพื่อสุขภาพน่าเบื่อหรือมีรสชาติไม่ถูกปาก แต่ในความเป็นจริง การเลือกวัตถุดิบที่ดีต่อร่างกายและปรุงอย่างถูกวิธีสามารถทำให้อาหารเพื่อสุขภาพทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงได้ อาหารที่มีคุณค่านอกจากจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพภายนอกแล้ว ยังส่งผลดีต่อสมองและสุขภาพภายในอีกด้วย
ต่อไปนี้คือ 10 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่นอกจากจะดีต่อร่างกายแล้ว ยังง่ายต่อการทำและเหมาะกับการรับประทานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นมื้อหลักหรือมื้ออาหารว่าง
1. สลัดผักสดกับอกไก่ย่าง
สลัดผักสดกับอกไก่ย่าง เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่ง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือเพิ่มโปรตีนในมื้ออาหาร อีกทั้งยังเต็มไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารจากผักสด ช่วยเสริมสุขภาพได้ดี

2. ข้าวกล้องกับผัดผักรวมเต้าหู้
ข้าวกล้องกับผัดผักรวมเต้าหู้ เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่มีส่วนผสมของโปรตีนจากเต้าหู้และใยอาหารจากผักต่างๆ พร้อมทั้งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจากข้าวกล้อง ซึ่งช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและให้พลังงานแบบยั่งยืน เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและเสริมสร้างพลังงานในชีวิตประจำวัน

วัตถุดิบ:
- ข้าวกล้อง (1 ถ้วยตวง)
- เต้าหู้แข็ง (200 กรัม) หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม
- น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันรำข้าว (1 ช้อนโต๊ะ)
- กระเทียมสับ (2 กลีบ)
- ผักที่ใช้ผัด (ตามชอบ):
- แครอทหั่นแท่ง (¼ ถ้วยตวง)
- บร็อคโคลี (¼ ถ้วยตวง)
- ข้าวโพดอ่อน (¼ ถ้วยตวง)
- เห็ดหอมสดหรือเห็ดฟาง (¼ ถ้วยตวง)
- พริกหวานสามสีหั่นเต๋า (¼ ถ้วยตวง)
- ผักคะน้าหรือผักโขม (½ ถ้วยตวง)
- ซอสปรุงรสเพื่อสุขภาพ:
- ซีอิ๊วขาวหรือน้ำปลาแบบลดโซเดียม (2 ช้อนชา)
- ซอสหอยนางรมแบบลดโซเดียม (1 ช้อนโต๊ะ)
- พริกไทยป่น (ตามชอบ)
- น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้ง (1 ช้อนชา)
- น้ำเปล่า (1-2 ช้อนโต๊ะ)
วิธีทำ:
-
หุงข้าวกล้อง:
- ล้างข้าวกล้องให้สะอาด นำข้าวกล้อง 1 ถ้วยหุงในน้ำ 2 ถ้วยในหม้อหุงข้าว ใช้เวลาหุงประมาณ 30-40 นาที หรือจนกว่าข้าวจะสุกนุ่ม
- ข้าวกล้องมีใยอาหารสูง ช่วยให้ย่อยช้าและทำให้รู้สึกอิ่มนาน
-
เตรียมเต้าหู้:
- นำเต้าหู้แข็งหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำ จากนั้นตั้งกระทะให้ร้อนใส่น้ำมันมะกอกเล็กน้อย
- ทอดเต้าหู้ให้เหลืองกรอบเล็กน้อยประมาณ 2-3 นาทีทั้งสองด้าน แล้วนำออกจากกระทะ พักไว้
-
ผัดผักรวม:
- ใช้น้ำมันที่เหลือในกระทะจากการทอดเต้าหู้ (หรือเติมน้ำมันเล็กน้อยถ้าจำเป็น) ใส่กระเทียมสับลงไปผัดจนหอม
- ใส่ผักที่สุกช้าก่อน เช่น แครอทและบร็อคโคลี ผัดจนเริ่มนุ่มเล็กน้อย ตามด้วยข้าวโพดอ่อนและเห็ด ผัดต่อประมาณ 2-3 นาที จนผักทั้งหมดเริ่มสุก
- ใส่พริกหวานสามสีและผักคะน้า ผัดจนทุกอย่างสุกดี
-
ปรุงรส:
- ใส่ซอสปรุงรสที่เตรียมไว้ลงในกระทะ ผัดให้เข้ากันทั้งหมด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้งเล็กน้อย
- เติมน้ำเปล่าเล็กน้อยเพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันและไม่แห้งจนเกินไป ผัดต่ออีกประมาณ 1 นาที
- สุดท้ายใส่เต้าหู้ทอดลงไปคลุกเคล้ากับผักให้เข้ากันก่อนปิดไฟ
-
จัดจานและเสิร์ฟ:
- ตักข้าวกล้องสุกใส่จาน ตามด้วยการตักผัดผักรวมเต้าหู้ที่ปรุงรสเรียบร้อยลงบนข้าว
- สามารถเสริมด้วยงาขาวคั่วหรือถั่วลิสงอบ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและความกรุบกรอบ
ประโยชน์ของเมนู:
- ข้าวกล้อง เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีใยอาหารสูง ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก รักษาระดับน้ำตาลในเลือด และดีต่อระบบย่อยอาหาร
- เต้าหู้ เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ โดยไม่มีคอเลสเตอรอล
- ผักหลากสี เช่น บร็อคโคลีและพริกหวาน เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง และบำรุงผิวพรรณ
เมนูนี้เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการอาหารมื้ออร่อยที่มีสารอาหารครบถ้วน และยังสามารถดัดแปลงผักตามที่มีในครัวได้อย่างยืดหยุ่น

วัตถุดิบ:
- ไข่ไก่ (2 ฟอง)
- น้ำเปล่าหรือน้ำซุปใส (100 มิลลิลิตร)
- ซีอิ๊วขาวหรือน้ำปลาแบบลดโซเดียม (1 ช้อนชา)
- พริกไทยป่น (ตามชอบ)
- ต้นหอมซอย (สำหรับโรยหน้า)
- ผักและโปรตีนเพิ่มเติม (ตามชอบ):
- แครอทหั่นเต๋า (1 ช้อนโต๊ะ)
- เห็ดหอมสดหั่นบาง (1 ช้อนโต๊ะ)
- ผักโขมหรือผักปวยเล้ง (¼ ถ้วยตวง)
- เต้าหู้ขาวหั่นเต๋า (1 ช้อนโต๊ะ)
- กุ้งลวกหรือไก่สับต้มสุก (1-2 ช้อนโต๊ะ)
วิธีทำ:
-
เตรียมไข่สำหรับตุ๋น:
- ตอกไข่ 2 ฟองลงในชาม แล้วตีไข่ให้เข้ากันจนเนียน
- ผสมน้ำซุปใสหรือน้ำเปล่าลงไปในไข่ ตีเบาๆ ให้เข้ากัน (อัตราส่วนที่เหมาะสมคือไข่ต่อน้ำซุป 1:1 เพื่อให้ไข่ตุ๋นเนียนนุ่ม)
- ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวหรือน้ำปลาเล็กน้อยและพริกไทยป่น
-
เพิ่มผักและโปรตีน:
- ถ้าใช้แครอท เห็ดหอม ผักโขมหรือผักปวยเล้ง ให้ลวกผักเหล่านี้ในน้ำร้อนจนสุกนุ่มเล็กน้อยแล้วสะเด็ดน้ำก่อนใส่ในไข่
- ใส่เต้าหู้ขาวหั่นเต๋าหรือกุ้งลวกหรือไก่สับต้มสุกลงไปในชามไข่ที่เตรียมไว้
-
นึ่งไข่ตุ๋น:
- ตั้งหม้อนึ่งให้เดือด ใช้ไฟกลาง-อ่อน เพื่อตุ๋นไข่ให้ได้เนื้อเนียนนุ่ม
- เทส่วนผสมไข่ที่เตรียมไว้ลงในถ้วยสำหรับนึ่ง ปิดหน้าถ้วยด้วยแผ่นฟอยล์หรือลังถึง เพื่อป้องกันไม่ให้ไอน้ำลงไปในไข่
- นึ่งไข่ตุ๋นประมาณ 15-20 นาที หรือจนกว่าไข่จะสุก เนื้อไข่จะเนียนนุ่ม เมื่อใช้ไม้จิ้มฟันหรือส้อมจิ้มตรงกลางแล้วไม่พบไข่เหลว แสดงว่าสุกดีแล้ว
-
จัดเสิร์ฟ:
- ยกถ้วยไข่ตุ๋นออกจากหม้อนึ่ง โรยต้นหอมซอยหรือพริกไทยป่นเพิ่มเติมหากต้องการ
- เสิร์ฟไข่ตุ๋นร้อนๆ เป็นเมนูหลักหรือเมนูเสริมในมื้ออาหาร
ประโยชน์ของเมนู:
- ไข่ไก่ เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง มีไขมันดี วิตามินดี วิตามินบี12 และโคลีน ซึ่งช่วยในการบำรุงสมองและระบบประสาท
- ผัก เช่น แครอทและผักโขม มีวิตามินและใยอาหารสูง ช่วยบำรุงสุขภาพตา และเสริมระบบย่อยอาหาร
- เต้าหู้ หรือ กุ้ง ให้โปรตีนจากพืชและสัตว์ที่ย่อยง่าย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
- น้ำซุปใส ให้รสชาติอ่อนโยน และช่วยรักษาความชุ่มชื้นของอาหาร
เมนูไข่ตุ๋นเพื่อสุขภาพนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการอาหารที่ย่อยง่ายและมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เหมาะกับทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
4. ปลาแซลมอนย่างกับควินัว
ปลาแซลมอนย่างกับควินัว เป็นเมนูอาหารที่ให้ประโยชน์ครบถ้วน ทั้งโปรตีน ไขมันดี และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจากควินัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสุขภาพหัวใจและการทำงานของสมอง นอกจากนี้ยังให้พลังงานแบบยั่งยืน มีใยอาหารสูง เหมาะสำหรับมื้ออาหารที่ต้องการความสมดุลทั้งรสชาติและโภชนาการ

วัตถุดิบ:
- ปลาแซลมอน (200 กรัม)
- ควินัวดิบ (½ ถ้วยตวง)
- น้ำเปล่า (1 ถ้วยตวง)
- น้ำมันมะกอก (1 ช้อนโต๊ะ)
- เกลือและพริกไทย (ตามชอบ)
- เลมอน (1 ซีก สำหรับเสิร์ฟ)
- สมุนไพรสดหรือแห้ง (เช่น โรสแมรี่, โหระพา, พาร์สลีย์) (ตามชอบ)
ส่วนประกอบเสริม (ตามชอบ):
- ผักลวกหรือผักย่าง เช่น หน่อไม้ฝรั่ง บร็อคโคลี หรือพริกหวาน
- อะโวคาโดหั่นเต๋า (½ ลูก)
วิธีทำ:
-
เตรียมควินัว:
- ล้างควินัวด้วยน้ำสะอาดเพื่อขจัดสารซาโปนิน (Saponin) ที่ทำให้มีรสขม
- นำควินัวใส่หม้อพร้อมน้ำเปล่า ตั้งไฟกลาง ต้มจนเดือด จากนั้นลดไฟต่ำและเคี่ยวต่อประมาณ 15-20 นาที จนน้ำซึมเข้าในควินัวหมดและควินัวสุกนุ่ม
- เมื่อควินัวสุกแล้ว ใช้ส้อมคลุกเบา ๆ ให้ฟู และพักไว้
-
ย่างปลาแซลมอน:
- ทาน้ำมันมะกอกบาง ๆ ลงบนชิ้นปลาแซลมอน ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และสมุนไพรที่ชอบ เช่น โรสแมรี่ หรือโหระพา เพื่อเพิ่มความหอม
- อุ่นกระทะย่างด้วยไฟกลาง แล้วนำแซลมอนลงไปย่าง ด้านหนังลงก่อน ย่างประมาณ 3-4 นาทีต่อด้าน หรือจนกว่าหนังจะกรอบและเนื้อปลาสุกตามความต้องการ (หากชอบสุกมากขึ้น ให้ย่างนานขึ้น)
- เมื่อสุกดีแล้ว ยกปลาออกจากกระทะ พักไว้
-
เตรียมผักเสริม:
- หากต้องการผักย่างหรือลวกเสริม เช่น บร็อคโคลี หน่อไม้ฝรั่ง หรือพริกหวาน ให้ลวกผักในน้ำเดือดประมาณ 2-3 นาทีหรือจนสุกนุ่ม จากนั้นนำไปย่างในกระทะพอให้มีกลิ่นหอม
-
จัดจาน:
- ตักควินัวสุกใส่จาน จัดปลาแซลมอนย่างวางข้าง ๆ
- เพิ่มผักย่างหรือผักลวกลงข้าง ๆ เพื่อเพิ่มความสมดุลของสารอาหาร
- บีบเลมอนลงบนปลาแซลมอนเพื่อเพิ่มรสชาติสดชื่น พร้อมเสิร์ฟ
ประโยชน์ของเมนู:
- ปลาแซลมอน อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจ ช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมการทำงานของสมอง
- ควินัว เป็นธัญพืชที่มีโปรตีนสูงและมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย มีใยอาหารช่วยระบบย่อยอาหาร และเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
- ผักต่าง ๆ เช่น บร็อคโคลี หน่อไม้ฝรั่ง เต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวม และเพิ่มใยอาหารให้กับมื้ออาหาร
เมนูนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น ที่ต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นเมนูที่ปรุงง่ายแต่อร่อย
5. ซุปมิโสะใส่เต้าหู้และสาหร่าย
ซุปมิโสะใส่เต้าหู้และสาหร่าย เป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมทั่วโลก นอกจากจะให้รสชาติที่กลมกล่อมแล้วยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีนจากเต้าหู้ แร่ธาตุจากสาหร่าย และโปรไบโอติกส์จากมิโสะที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร ซุปนี้ทำได้ง่ายและเหมาะสำหรับเป็นเมนูเริ่มต้นในมื้ออาหาร หรือทานคู่กับอาหารจานหลักเพื่อเพิ่มความสมดุลให้มื้ออาหาร

วัตถุดิบ:
- เต้าหู้ขาวชนิดนิ่ม (150 กรัม) หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ
- สาหร่ายแห้ง (วากาเมะ) (1 ช้อนโต๊ะ) แช่น้ำให้นุ่ม
- มิโสะ (ชนิดขาวหรือแดง) (1-2 ช้อนโต๊ะ ตามความชอบ)
- น้ำซุปดาชิ (2 ถ้วยตวง) หรือใช้น้ำเปล่าผสมผงดาชิ (1 ช้อนชา)
- ต้นหอมซอย (1 ช้อนโต๊ะ สำหรับโรยหน้า)
- เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น (ถ้าชอบ) (½ ช้อนชา)
- เห็ดหอมสดหั่นบาง (1-2 ดอก) (เสริมถ้าต้องการ)
วิธีทำ:
-
เตรียมน้ำซุปดาชิ:
- หากใช้น้ำซุปดาชิที่ทำเอง: ต้มน้ำ 2 ถ้วยกับคัตสึโอะบูชิ (ปลาแห้ง) และสาหร่ายคอมบุ ทิ้งไว้ให้เดือดประมาณ 5 นาที แล้วกรองน้ำซุปไว้
- หากใช้ผงดาชิ: ละลายผงดาชิ 1 ช้อนชาในน้ำร้อน 2 ถ้วย
- ตั้งน้ำซุปดาชิให้เดือดเบาๆ ในหม้อขนาดเล็ก
-
ใส่เต้าหู้และสาหร่าย:
- นำเต้าหู้ขาวชนิดนิ่มหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมใส่ลงในน้ำซุปดาชิที่กำลังเดือดเบาๆ ระวังไม่ให้เต้าหู้แตก
- ใส่สาหร่ายวากาเมะแช่น้ำแล้วลงไปในหม้อ
-
ละลายมิโสะ:
- ตักน้ำซุปดาชิร้อน ๆ จากหม้อประมาณ 1 ถ้วยแล้วเทใส่ถ้วยแยกออกมา จากนั้นใส่มิโสะลงในถ้วยแล้วคนจนมิโสะละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
- เทส่วนผสมมิโสะที่ละลายแล้วกลับเข้าไปในหม้อซุป ปิดไฟทันที อย่าให้มิโสะเดือดเพราะจะทำให้เสียคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติ
-
ใส่เห็ดและผัก (ถ้าต้องการ):
- หากต้องการเสริมความอร่อยเพิ่มเติม สามารถใส่เห็ดหอมสดหรือเห็ดอื่น ๆ ลงไปในซุประหว่างที่ยังตั้งไฟอ่อน ๆ ได้
-
เสิร์ฟ:
- ตักซุปใส่ถ้วย โรยต้นหอมซอยด้านบนเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม สามารถเพิ่มเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติเค็มและหวานตามความชอบ
- เสิร์ฟซุปมิโสะร้อนๆ เป็นเมนูเริ่มต้นในมื้ออาหาร หรือทานคู่กับข้าวสวยและอาหารจานหลักอื่น ๆ
ประโยชน์ของเมนู:
- มิโสะ เป็นแหล่งของโปรไบโอติกส์ (จุลินทรีย์ที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร) และมีสารอาหารมากมาย เช่น วิตามินบี แร่ธาตุและกรดอะมิโนที่ช่วยในการบำรุงร่างกาย
- เต้าหู้ เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ย่อยง่ายและไม่มีคอเลสเตอรอล ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
- สาหร่ายวากาเมะ มีแร่ธาตุสูง เช่น ไอโอดีน แคลเซียม และแมกนีเซียม ที่ดีต่อการบำรุงไทรอยด์และกระดูก
- น้ำซุปดาชิ ทำจากปลาและสาหร่าย มีสารอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกายและให้รสชาติอูมามิที่เป็นเอกลักษณ์
ซุปมิโสะใส่เต้าหู้และสาหร่ายเป็นเมนูที่ง่ายและดีต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับมื้ออาหารที่ต้องการความเบาท้องและเต็มไปด้วยประโยชน์จากธรรมชาติ
6. โยเกิร์ตกับผลไม้และถั่ว
โยเกิร์ตกับผลไม้และถั่ว เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับมื้อเช้าหรือของว่าง ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย โดยมีโยเกิร์ตที่เป็นแหล่งโปรไบโอติกส์ดีต่อระบบย่อยอาหาร ผลไม้สดที่เต็มไปด้วยวิตามิน และถั่วที่ให้โปรตีนและไขมันดี

7. ต้มจืดผักรวมกับเห็ด
ต้มจืดผักรวมกับเห็ด เป็นเมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีรสชาติอ่อนนุ่มและกลมกล่อม เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เมนูนี้เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากผักสดต่าง ๆ และเห็ด ที่ให้ไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญ ต้มจืดนี้ยังมีความเบา ทำให้เหมาะสำหรับมื้ออาหารที่ต้องการความสดชื่นและไม่หนักท้อง

วัตถุดิบ:
- น้ำเปล่า (4-6 ถ้วยตวง)
- เห็ดหอมสด (100 กรัม) หรือเห็ดชนิดอื่น ๆ ตามชอบ
- แครอท (1 หัว) หั่นเป็นชิ้นบาง
- กะหล่ำปลี (½ หัว) หั่นเป็นชิ้น
- บร็อคโคลี (½ ถ้วย) แยกเป็นช่อเล็ก
- ผักชี (สำหรับโรยหน้า)
- เกลือ (ตามชอบ)
- พริกไทยป่น (ตามชอบ)
- ซอสปรุงรส (เช่น ซีอิ๊วขาวหรือซอสถั่วเหลือง) (1-2 ช้อนชา) (ตามชอบ)
วิธีทำ:
-
เตรียมส่วนผสม:
- ล้างผักทุกชนิดให้สะอาด แล้วหั่นให้ได้ขนาดที่พอเหมาะ
- หากใช้เห็ดหอมสด ให้หั่นเห็ดเป็นชิ้นบาง ๆ
-
ต้มน้ำ:
- ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง รอให้น้ำเดือด
-
ใส่ผักและเห็ด:
- เมื่อน้ำเดือดแล้ว ใส่เห็ดหอม แครอท กะหล่ำปลี และบร็อคโคลีลงไปในหม้อ
- เคี่ยวทุกอย่างด้วยไฟกลางจนผักสุกนุ่มประมาณ 5-10 นาที
-
ปรุงรส:
- ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยป่น และซอสปรุงรสตามชอบ
- คนให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติ ปรับตามต้องการ
-
เสิร์ฟ:
- ตักต้มจืดใส่ชาม โรยหน้าด้วยผักชีเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและสีสัน
- สามารถเสิร์ฟต้มจืดนี้เป็นเมนูหลักหรือเป็นข้างเคียงกับข้าวสวย
ประโยชน์ของเมนู:
- ผัก อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ ซึ่งดีต่อสุขภาพทางเดินอาหารและช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกัน
- เห็ด มีโปรตีนสูงและไขมันต่ำ ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และให้รสชาติอูมามิที่ทำให้ซุปอร่อยยิ่งขึ้น
- ซุป ที่มีน้ำซุปใสและไม่มีไขมัน จะทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และเบาท้อง
ต้มจืดผักรวมกับเห็ด เป็นเมนูที่ง่ายต่อการทำและเหมาะสำหรับคนที่ต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แถมยังช่วยเติมพลังงานให้ร่างกายอย่างดีอีกด้วย!
8. แซนด์วิชอะโวคาโดและไข่ต้ม
แซนด์วิชอะโวคาโดและไข่ต้ม เป็นเมนูอาหารที่ง่ายและรวดเร็ว มีรสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับมื้อเช้าหรือของว่างช่วงบ่าย อะโวคาโดเป็นแหล่งของไขมันดีและวิตามินที่สำคัญ ในขณะที่ไข่ต้มให้โปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เมนูนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเพิ่มพลังงานและบำรุงสุขภาพในแต่ละวัน

วัตถุดิบ:
- ขนมปังโฮลวีต (2 แผ่น)
- อะโวคาโด (1 ลูก)
- ไข่ไก่ต้มสุก (2 ฟอง)
- เกลือ (ตามชอบ)
- พริกไทย (ตามชอบ)
- น้ำมะนาว (1 ช้อนชา) (เพื่อป้องกันการเปลี่ยนสีของอะโวคาโด)
- ผักใบเขียว (เช่น สลัดหรือผักโขม) (ตามชอบ)
- ซอสหรือมายองเนส (ถ้าต้องการ)
วิธีทำ:
-
ต้มไข่:
- ตั้งน้ำในหม้อให้เดือด ใส่ไข่ลงไป ต้มประมาณ 8-10 นาที (สำหรับไข่ต้มแบบสุกเต็มที่)
- เมื่อไข่สุกแล้ว ให้นำไปแช่น้ำเย็นเพื่อลอกเปลือกได้ง่ายขึ้น
-
เตรียมอะโวคาโด:
- ฝานอะโวคาโดครึ่งลูก แล้วใช้ช้อนตักเนื้ออะโวคาโดออกมาใส่ชาม
- บดอะโวคาโดด้วยส้อม แล้วเติมน้ำมะนาว เกลือ และพริกไทยเพื่อเพิ่มรสชาติ
-
เตรียมไข่:
- หลังจากไข่เย็นแล้ว ให้ลอกเปลือกออก แล้วหั่นไข่ต้มเป็นแผ่นหรือชิ้นตามต้องการ
-
ประกอบแซนด์วิช:
- วางขนมปังโฮลวีตลงบนจาน จากนั้นทาอะโวคาโดบดลงไปบนขนมปัง
- วางชิ้นไข่ต้มลงบนอะโวคาโด แล้วสามารถเพิ่มผักใบเขียวตามชอบ
- วางขนมปังอีกแผ่นหนึ่งทับด้านบน
-
เสิร์ฟ:
- สามารถหั่นแซนด์วิชเป็นสองหรือสี่ส่วนเพื่อความสะดวกในการรับประทาน
- เสิร์ฟทันทีเพื่อความสดใหม่ สามารถทานคู่กับซอสหรือมายองเนสได้ตามชอบ
ประโยชน์ของเมนู:
- อะโวคาโด เป็นแหล่งของไขมันไม่อิ่มตัวที่ดี มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจและลดระดับคอเลสเตอรอล
- ไข่ต้ม เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพสูง มีวิตามินบีและวิตามินดี ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและระบบภูมิคุ้มกัน
- ขนมปังโฮลวีต มีไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยอาหารและทำให้รู้สึกอิ่มนาน
แซนด์วิชอะโวคาโดและไข่ต้ม เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ หรือจะทานเป็นของว่างระหว่างวันก็อร่อยและเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ!
9. สปาเกตตีโฮลวีตกับซอสเพสโต้
สปาเกตตีโฮลวีตกับซอสเพสโต้ เป็นเมนูอาหารที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และมีรสชาติอร่อย สดชื่น เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพที่ต้องการทานอาหารที่ดีต่อร่างกาย เมนูนี้ใช้เส้นสปาเกตตีโฮลวีตที่มีไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยอาหาร และซอสเพสโต้ที่ทำจากโหระพา อัลมอนด์ และน้ำมันมะกอก ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันดี

วัตถุดิบ:
- สปาเกตตีโฮลวีต (250 กรัม)
- ใบโหระพาสด (2 ถ้วย)
- เม็ดอัลมอนด์ (½ ถ้วย) หรือใช้พีนัทหรือวอลนัทแทน
- กระเทียม (2 กลีบ) ปอกเปลือก
- น้ำมันมะกอก (½ ถ้วย)
- ชีสพาร์เมซาน (¼ ถ้วย) ขูด (ตามชอบ)
- เกลือ (ตามชอบ)
- พริกไทย (ตามชอบ)
- มะเขือเทศเชอร์รี (สำหรับตกแต่ง) (ตามชอบ)
วิธีทำ:
-
ต้มเส้นสปาเกตตี:
- นำน้ำใส่หม้อใหญ่ตั้งไฟจนเดือด เพิ่มเกลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใส่สปาเกตตีโฮลวีตลงไป
- ต้มตามเวลาที่ระบุบนแพ็คเกจ (ประมาณ 8-10 นาที) จนเส้นสุกและมีความเหนียว (al dente)
- เมื่อสุกแล้ว ให้สะเด็ดน้ำและพักไว้
-
ทำซอสเพสโต้:
- ในเครื่องปั่น ใส่ใบโหระพา เม็ดอัลมอนด์ กระเทียม และชีสพาร์เมซานลงไป
- เติมน้ำมันมะกอกลงไป และปั่นจนละเอียดและเข้ากันดี
- ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยตามชอบ
-
รวมเส้นกับซอส:
- ใส่สปาเกตตีที่สะเด็ดน้ำแล้วลงในชามผสมใหญ่
- ราดซอสเพสโต้ที่ทำไว้ลงไปและคลุกเคล้าให้เข้ากันดี
-
เสิร์ฟ:
- ตักสปาเกตตีที่ผสมกับซอสเพสโต้ใส่จาน
- สามารถตกแต่งด้วยมะเขือเทศเชอร์รีและชีสพาร์เมซานเพิ่มเติม
- เสิร์ฟทันทีเพื่อความสดใหม่
ประโยชน์ของเมนู:
- เส้นสปาเกตตีโฮลวีต มีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารและทำให้รู้สึกอิ่มนาน
- ใบโหระพา มีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกัน
- เม็ดอัลมอนด์ มีโปรตีนและไขมันดี ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
- น้ำมันมะกอก เป็นแหล่งไขมันไม่อิ่มตัวที่ดี ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ
สปาเกตตีโฮลวีตกับซอสเพสโต้ เป็นเมนูที่ง่ายและรวดเร็วในการทำ เหมาะสำหรับมื้ออาหารที่ต้องการความอร่อยและดีต่อสุขภาพ สามารถเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือรักษาสุขภาพ!
10. น้ำพริกปลาทูคู่กับผักลวก
น้ำพริกปลาทูคู่กับผักลวก เป็นเมนูอาหารไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง น้ำพริกนี้มีรสชาติเผ็ด เปรี้ยว และเค็มเล็กน้อย มักรับประทานคู่กับผักลวกต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นและกรอบให้กับมื้ออาหาร น้ำพริกปลาทูยังมีโปรตีนจากปลาและวิตามินจากผัก ทำให้เป็นมื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ

วัตถุดิบ:
สำหรับน้ำพริก:
- ปลาทู (2 ตัว) (ต้มสุกหรือย่าง)
- พริกขี้หนู (5-10 เม็ด) (ปรับตามระดับความเผ็ดที่ต้องการ)
- กระเทียม (3 กลีบ) (ย่างให้หอม)
- น้ำมะนาว (2 ช้อนโต๊ะ)
- น้ำปลา (1-2 ช้อนโต๊ะ) (ปรับตามรสชาติ)
- น้ำตาลทราย (1 ช้อนชา) (ช่วยตัดรส)
- ใบผักชี (สำหรับตกแต่ง) (ตามชอบ)
สำหรับผักลวก:
- ผักต่าง ๆ (ตามชอบ):
- ถั่วฝักยาว (100 กรัม)
- แครอท (1 หัว) (หั่นเป็นเส้น)
- บร็อคโคลี (100 กรัม)
- ผักบุ้ง (100 กรัม)
- กะหล่ำปลี (100 กรัม)
วิธีทำ:
-
ทำซอสน้ำพริก:
- หากใช้ปลาทูต้ม ให้ลอกหนังและเนื้อปลาออกมาในชามผสม
- ใส่พริกขี้หนูและกระเทียมที่ย่างไว้ลงไปในชาม แล้วใช้ส้อมหรือช้อนบดให้เข้ากัน
- เติมน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทรายลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันจนเนียน
-
เตรียมผักลวก:
- ตั้งน้ำในหม้อให้เดือด จากนั้นใส่ผักที่เตรียมไว้ เช่น ถั่วฝักยาว แครอท บร็อคโคลี และผักบุ้ง
- ลวกผักประมาณ 2-3 นาที จนสุกแต่ยังกรอบ
- ตักผักขึ้นแล้วล้างด้วยน้ำเย็นเพื่อหยุดการสุกและรักษาความกรอบ
-
เสิร์ฟ:
- ตักน้ำพริกปลาทูใส่จาน โรยหน้าด้วยใบผักชีเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
- เสิร์ฟน้ำพริกพร้อมกับผักลวกในจานข้างเคียง
ประโยชน์ของเมนู:
- ปลาทู เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพสูง และมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ
- พริกขี้หนู ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและมีวิตามินซีสูง
- ผักลวก ให้ไฟเบอร์และวิตามินที่สำคัญ เช่น วิตามินเอและวิตามินซี ซึ่งดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและการย่อยอาหาร
- น้ำมะนาว ให้รสเปรี้ยวที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารและยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ
น้ำพริกปลาทูคู่กับผักลวก เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านและดีต่อสุขภาพ สามารถปรับสูตรและส่วนผสมตามความชอบได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในทุกมื้ออาหาร!
สรุป
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพไม่ได้หมายความว่าต้องจำกัดรสชาติหรือความอร่อย สิ่งสำคัญคือการเลือกวัตถุดิบที่ดีและมีประโยชน์ พร้อมกับจัดสมดุลระหว่างโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันอย่างเหมาะสม เมนูทั้ง 10 ข้างต้นเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ
เครื่องจักรสำหรับเตรียมเนื้อหมู
- เครื่องหั่นผักหรือเครื่องสไลด์ผัก เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการเตรียมอาหารได้อย่างรวดเร็วและสะดวก โดยสามารถหั่นหรือสไลด์ผักผลไม้ได้ตามต้องการ มีหลายประเภท เช่น เครื่องหั่นแบบมือหมุนที่ใช้งานง่ายและไม่ใช้ไฟฟ้า เครื่องหั่นไฟฟ้าที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับปริมาณมาก และเครื่องสไลด์ที่ให้ความสม่ำเสมอในการหั่น
- เครื่องสไลด์หมู เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับหั่นหรือสไลด์เนื้อหมูให้มีความบางและสม่ำเสมอ ซึ่งมักใช้ในร้านอาหาร ห้องครัวมืออาชีพ หรือแม้กระทั่งในบ้านที่ต้องการเตรียมอาหารที่ต้องการเนื้อหมูหั่นบาง เช่น หมูยอ สเต๊ก หรือหมูสไลด์สำหรับทำสุกี้