
ทาร์ตไข่ เป็นหนึ่งในขนมหวานที่ผสมผสานความกรอบของแป้งทาร์ตและความเนียนนุ่มของคัสตาร์ดได้อย่างลงตัว ขนมหวานนี้ได้รับความนิยมในหลายประเทศ ตั้งแต่ทาร์ตไข่ฮ่องกงไปจนถึงทาร์ตไข่โปรตุเกส ซึ่งแต่ละสูตรก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะพาคุณมาพบกับ 8 สูตรทาร์ตไข่ ที่คุณสามารถทำเองที่บ้านได้ง่าย ๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปรในครัว สูตรเหล่านี้จะทำให้คุณหลงรักทาร์ตไข่ในทุกคำ
ประวัติและความเป็นมาของทาร์ตไข่
ทาร์ตไข่ (Egg Tart) เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากหลายแห่งทั่วโลก แต่ที่รู้จักกันมากที่สุดคือในประเทศโปรตุเกสและฮ่องกง โดยทาร์ตไข่ในแต่ละแห่งมีประวัติและลักษณะเฉพาะที่น่าสนใจ แตกต่างกันไปตามภูมิภาคที่พัฒนาและปรับเปลี่ยนสูตร
ต้นกำเนิดทาร์ตไข่โปรตุเกส (Pastel de Nata)
ทาร์ตไข่โปรตุเกส หรือที่เรียกว่า Pastel de Nata เป็นทาร์ตไข่แบบดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 โดยถือกำเนิดขึ้นจาก วัดเจโรนิโม (Jerónimos Monastery) ซึ่งเป็นศูนย์กลางศาสนาที่สำคัญของโปรตุเกส
ในสมัยนั้น พระในวัดมักใช้ไข่ขาวสำหรับซักรีดและรีดเสื้อคลุมนักบวช เนื่องจากไข่ขาวมีคุณสมบัติทำให้ผ้าแข็งและเรียบ ในขณะเดียวกัน ไข่แดงที่เหลือก็ไม่ต้องการให้สูญเปล่า พระจึงได้ทดลองนำไข่แดงมาใช้ในการทำขนม โดยผสมกับน้ำตาลและนม จนได้เป็นคัสตาร์ดเนียนนุ่ม แล้วนำไปอบในแป้งพายบางกรอบ กลายมาเป็นขนมทาร์ตไข่ที่เป็นที่รู้จักในปัจจุบัน
ในช่วงปี 1820s หลังจากการปฏิวัติในโปรตุเกส วัดหลายแห่งถูกปิด และพระจึงจำเป็นต้องหารายได้จากการทำขนมขาย เมื่อถึงปี 1834 สูตรทาร์ตไข่ถูกขายให้กับร้านขนมที่ชื่อว่า Fábrica de Pastéis de Belém ซึ่งตั้งอยู่ใกล้วัดเจโรนิโม ร้านนี้ยังคงผลิตทาร์ตไข่สูตรดั้งเดิมจนถึงปัจจุบัน และเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปลิ้มลองขนมชนิดนี้
การแพร่กระจายของทาร์ตไข่โปรตุเกสสู่มาเก๊า
ในช่วงที่โปรตุเกสขยายอาณานิคมเข้าสู่เอเชียในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ทาร์ตไข่โปรตุเกสก็ได้ถูกนำมายังดินแดนมาเก๊า ซึ่งเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสในตอนนั้น โดยในมาเก๊า ทาร์ตไข่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นขนมหวานที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนมาเก๊ามักจะได้ลองทาร์ตไข่ที่มีกลิ่นหอมจากคัสตาร์ดไข่และแป้งพายกรอบ
ทาร์ตไข่ฮ่องกง: การพัฒนาที่แตกต่าง
ทาร์ตไข่ได้แพร่กระจายจากมาเก๊าไปยังฮ่องกงในช่วงศตวรรษที่ 20 โดยได้รับอิทธิพลจากทาร์ตไข่โปรตุเกส แต่มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนสูตรให้เข้ากับรสนิยมของคนจีน โดยเฉพาะในยุคที่ฮ่องกงยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ขนมที่ได้รับอิทธิพลจากทั้งตะวันตกและตะวันออกจึงได้รับความนิยมอย่างมาก
ทาร์ตไข่ฮ่องกงมีลักษณะที่แตกต่างจากทาร์ตไข่โปรตุเกสอย่างชัดเจน แป้งพายที่ใช้มักจะเป็นแบบ Shortcrust pastry หรือ Puff pastry ซึ่งมีเนื้อบางและกรอบกว่า ส่วนคัสตาร์ดมีความเนียนละเอียด รสชาติหวานน้อยกว่า และมักไม่โรยหน้าด้วยน้ำตาลไอซิ่ง ทำให้ทาร์ตไข่ฮ่องกงเป็นขนมที่นิยมทานคู่กับชาในวัฒนธรรมการดื่มน้ำชาแบบจีน
การขยายตัวในระดับสากล
ทาร์ตไข่ทั้งสไตล์โปรตุเกสและฮ่องกงได้แพร่กระจายไปทั่วโลก โดยทาร์ตไข่โปรตุเกสมักจะพบได้ในร้านขนมยุโรป และได้รับความนิยมในหลายประเทศ ขณะที่ทาร์ตไข่ฮ่องกงก็กลายเป็นที่ชื่นชอบในประเทศต่าง ๆ ทั่วเอเชียและในชุมชนชาวจีนในต่างประเทศ
ร้านอาหารจีนทั่วโลกมักมีทาร์ตไข่ฮ่องกงเป็นหนึ่งในเมนูขนมที่คนชอบสั่ง นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาสูตรต่าง ๆ ที่เพิ่มเติมวัตถุดิบใหม่ ๆ เช่น ชาเขียว ช็อกโกแลต หรือเผือก เพื่อให้เข้ากับความต้องการและรสนิยมของคนรุ่นใหม่
ทาร์ตไข่ในยุคปัจจุบัน
ปัจจุบัน ทาร์ตไข่เป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งในโปรตุเกส มาเก๊า ฮ่องกง และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังเมืองเหล่านี้มักจะแวะชิมทาร์ตไข่ตามร้านชื่อดัง ซึ่งทำให้ขนมชนิดนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมและอาหารท้องถิ่น
ไม่ว่าจะเป็นทาร์ตไข่โปรตุเกสที่มีกลิ่นหอมของคัสตาร์ดนุ่มและแป้งพายกรอบ หรือทาร์ตไข่ฮ่องกงที่มีรสชาติละมุนและแป้งบางกรอบ ทาร์ตไข่ยังคงเป็นขนมหวานที่ผสมผสานวัฒนธรรมของตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว เป็นขนมที่ให้ทั้งความอร่อยและสะท้อนถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ยาวนาน

ส่วนผสมที่สำคัญของหมูหวาน
ส่วนผสมหลักของ หมูหวาน เป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในครัวเรือนและเน้นความเรียบง่ายแต่ให้รสชาติที่กลมกล่อม วัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการทำหมูหวาน ได้แก่
ทาร์ตไข่สไตล์โปรตุเกส (Pastel de Nata)
การทำ Pastel de Nata หรือทาร์ตไข่สไตล์โปรตุเกสที่บ้านอาจจะดูซับซ้อน แต่ด้วยความพิถีพิถันในขั้นตอนต่าง ๆ คุณจะได้ทาร์ตไข่ที่มีคัสตาร์ดเนียนนุ่ม และแป้งพายกรอบเป็นชั้นที่หอมอร่อยเหมือนทานที่โปรตุเกสเอง

วัตถุดิบ
ส่วนผสมสำหรับแป้งพัฟ (Puff Pastry)
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 250 กรัม
- เนยจืด (เย็นจัด) 200 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- น้ำเย็น 100 มิลลิลิตร
ส่วนผสมสำหรับคัสตาร์ด
- ไข่แดง 5 ฟอง
- น้ำตาล 200 กรัม
- นมสด 250 มิลลิลิตร
- วิปปิ้งครีม 250 มิลลิลิตร
- แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
- วานิลลา 1 ช้อนชา (หรือใช้ฝักวานิลลาสด)
- ผิวเลมอนขูด (ตามชอบ)
- น้ำ 125 มิลลิลิตร
ขั้นตอนการทำ
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมแป้งพัฟ
- ทำแป้ง: ร่อนแป้งสาลีและเกลือลงในชามใหญ่ ผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำเย็นลงไปทีละน้อย นวดแป้งจนเข้ากันเป็นก้อน และพักในตู้เย็นประมาณ 15 นาที
- ทำแป้งพัฟ: นำเนยเย็น 100 กรัมมาวางบนแผ่นแป้งที่รีดบางแล้วพับแป้งเข้าหากันเป็นสามทบ (เหมือนพับจดหมาย) จากนั้นรีดแป้งอีกครั้งเป็นแผ่นบาง พับซ้ำแบบเดิม 2-3 ครั้ง จนได้แป้งพัฟที่มีชั้น ๆ ฟู
- พักแป้ง: พักแป้งในตู้เย็นอีกประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนที่ 2: การทำคัสตาร์ด
- ทำคัสตาร์ด: ใส่น้ำตาลลงในหม้อ ใส่น้ำแล้วเคี่ยวจนได้น้ำเชื่อมใส (ไม่ต้องคนบ่อย) ปิดไฟแล้วพักไว้ให้เย็น
- ผสมไข่: ในชามผสม ใส่ไข่แดง แป้งข้าวโพด และนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่วิปปิ้งครีมตามด้วยน้ำเชื่อมที่ทำไว้แล้วคนจนเนื้อเนียน
- กรองคัสตาร์ด: กรองคัสตาร์ดผ่านตะแกรงเพื่อให้ได้เนื้อที่เนียนและนุ่ม
ขั้นตอนที่ 3: การประกอบทาร์ตไข่
- เตรียมพิมพ์: นำแป้งพัฟที่เตรียมไว้มารีดให้บางประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ใช้พิมพ์วงกลมตัดแป้งเป็นแผ่นกลม
- วางแป้งในพิมพ์: กดแป้งลงในพิมพ์ทาร์ตให้แนบสนิท
- เทคัสตาร์ด: เทคัสตาร์ดที่เตรียมไว้ลงในพิมพ์ทาร์ตประมาณ 2/3 ของพิมพ์
- อบทาร์ต: นำเข้าอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 250 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10-12 นาที หรือจนคัสตาร์ดเริ่มมีสีเหลืองทองและแป้งพัฟกรอบ
ขั้นตอนที่ 4: การเสิร์ฟ
- เมื่อทาร์ตไข่สุก นำออกจากเตาอบ พักไว้ให้เย็นเล็กน้อย
- สามารถโรยน้ำตาลไอซิ่งหรือผงอบเชยก่อนเสิร์ฟ
- เสิร์ฟทาร์ตไข่ในขณะที่ยังอุ่นเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
เคล็ดลับในการทำ Pastel de Nata
- ใช้เนยคุณภาพดี: เนยจะส่งผลต่อรสชาติและเนื้อสัมผัสของแป้ง
- ควบคุมอุณหภูมิ: ควรอบที่อุณหภูมิสูงเพื่อให้แป้งกรอบและคัสตาร์ดตั้งตัวได้ดี
- กรองคัสตาร์ด: เพื่อให้ได้เนื้อคัสตาร์ดที่เนียนนุ่ม ไม่มีก้อน
ทาร์ตไข่แบบฮ่องกง (Hong Kong Egg Tart)
ทาร์ตไข่แบบฮ่องกง เป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมในฮ่องกงและในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีรสชาติหวานมันและเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน แตกต่างจากทาร์ตไข่สไตล์โปรตุเกส ตรงที่แป้งจะมีลักษณะกรอบกว่าและคัสตาร์ดมีรสชาติที่นุ่มนวลขึ้น
วัตถุดิบ
ส่วนผสมสำหรับแป้งทาร์ต:
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
- เนยจืด (อุณหภูมิห้อง) 100 กรัม
- น้ำตาลผง 25 กรัม
- ไข่แดง 1 ฟอง
- นมสด 1-2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสมสำหรับคัสตาร์ด:
- ไข่แดง 2 ฟอง
- น้ำตาล 100 กรัม
- นมสด 200 มิลลิลิตร
- วิปปิ้งครีม 100 มิลลิลิตร
- วานิลลา 1 ช้อนชา (หรือใช้ฝักวานิลลาสด)
- ผงอบเชย (ตามชอบ)
ขั้นตอนการทำ
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมแป้งทาร์ต
- ผสมแป้ง: ในชามใหญ่ ร่อนแป้งสาลีและเกลือลงไป จากนั้นเติมน้ำตาลผงและผสมให้เข้ากัน
- ใส่เนย: ใส่เนยจืดลงไปในแป้งแล้วนวดด้วยมือหรือใช้เครื่องตีจนแป้งมีลักษณะคล้ายเม็ดทราย
- เพิ่มไข่และนม: ใส่ไข่แดงและนมสดลงไป แล้วนวดให้เข้ากันจนได้แป้งเนียนนุ่ม
- พักแป้ง: ห่อแป้งด้วยพลาสติก แล้วพักในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนที่ 2: การทำคัสตาร์ด
- ผสมน้ำตาล: ในชามผสมขนาดเล็ก ใส่น้ำตาลลงไปแล้วเติมน้ำร้อน 2-3 ช้อนโต๊ะ คนจนละลาย
- ผสมไข่: ในชามอื่น ใส่ไข่แดงและตีให้เข้ากัน จากนั้นเติมนมสดและวิปปิ้งครีมแล้วผสมให้เข้ากัน
- รวมกัน: ค่อย ๆ เทน้ำตาลที่ละลายลงไปในส่วนผสมไข่และคนให้เข้ากัน
- กรองคัสตาร์ด: นำคัสตาร์ดมาผ่านตะแกรงกรองเพื่อให้ได้เนื้อที่เนียนละเอียด
ขั้นตอนที่ 3: การประกอบทาร์ตไข่
- เปิดเตาอบ: เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
- เตรียมพิมพ์: นำแป้งที่พักไว้มารีดให้บางประมาณ 3-4 มิลลิเมตร แล้วใช้พิมพ์วงกลมตัดแป้งให้มีขนาดพอเหมาะกับพิมพ์ทาร์ต
- วางในพิมพ์: กดแป้งลงในพิมพ์ทาร์ตให้แนบสนิท
- เทคัสตาร์ด: เทคัสตาร์ดที่กรองแล้วลงในพิมพ์ทาร์ตจนเต็มประมาณ 3/4 ของพิมพ์
- อบ: นำเข้าเตาอบประมาณ 20-25 นาที หรือจนกว่าคัสตาร์ดจะตั้งตัวและมีสีเหลืองทอง
ขั้นตอนที่ 4: การเสิร์ฟ
- เมื่อทาร์ตไข่สุก ให้พักไว้จนเย็นเล็กน้อย
- เสิร์ฟทาร์ตไข่แบบฮ่องกงในขณะที่ยังอุ่น เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการทำทาร์ตไข่แบบฮ่องกง
- ใช้ไข่ใหม่: ควรเลือกใช้ไข่แดงที่สดใหม่ เพราะจะช่วยให้คัสตาร์ดมีรสชาติและสีสันที่สดใส
- ไม่เปิดเตาอบบ่อย: ในระหว่างการอบ ไม่ควรเปิดเตาอบบ่อยๆ เพราะอาจทำให้คัสตาร์ดไม่ตั้งตัวหรือมีรูปร่างไม่สวย
- การเก็บรักษา: ทาร์ตไข่สามารถเก็บในตู้เย็นได้ แต่ควรอุ่นก่อนเสิร์ฟ เพื่อให้แป้งกรอบและคัสตาร์ดนุ่ม

ทาร์ตไข่ชาไทย (Thai Tea Egg Tart)
วัตถุดิบ
ส่วนผสมสำหรับแป้งทาร์ต
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
- น้ำตาลผง 30 กรัม
- เนยจืด (อุณหภูมิห้อง) 100 กรัม
- ไข่แดง 1 ฟอง
- น้ำเย็น 1-2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสมสำหรับคัสตาร์ดชาไทย
- ชาไทย 3 ช้อนโต๊ะ (แนะนำชาไทยตราช้าง)
- น้ำร้อน 200 มิลลิลิตร
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำตาล 100 กรัม
- วิปปิ้งครีม 200 มิลลิลิตร
- นมสด 100 มิลลิลิตร
- วานิลลา 1 ช้อนชา (หรือใช้ฝักวานิลลาสด)
ขั้นตอนการทำ
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมแป้งทาร์ต
- ผสมแป้ง: ในชามใหญ่ ร่อนแป้งสาลีและเกลือลงไป จากนั้นเติมน้ำตาลผงและผสมให้เข้ากัน
- ใส่เนย: ใส่เนยลงไปในแป้งแล้วนวดด้วยมือจนแป้งมีลักษณะคล้ายเม็ดทราย
- เพิ่มไข่และน้ำ: ใส่ไข่แดงและน้ำเย็นลงไป นวดให้เข้ากันจนได้แป้งเนียนนุ่ม
- พักแป้ง: ห่อแป้งด้วยพลาสติกแล้วพักในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนที่ 2: การทำคัสตาร์ดชาไทย
- ชงชา: ใส่ชาไทยลงในน้ำร้อน แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที เพื่อให้ชาเข้มข้น จากนั้นกรองเอากากชาออก
- ผสมน้ำตาล: ในชามผสม ใส่ไข่แดงและน้ำตาลลงไป ตีให้เข้ากันจนเนื้อเนียน
- ผสมคัสตาร์ด: เติมนมสดและวิปปิ้งครีมลงไปในส่วนผสมไข่และคนให้เข้ากันตามด้วยชาไทยที่เตรียมไว้
- กรองคัสตาร์ด: กรองคัสตาร์ดผ่านตะแกรงเพื่อให้ได้เนื้อที่เนียนและนุ่ม
ขั้นตอนที่ 3: การประกอบทาร์ตไข่
- เปิดเตาอบ: เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
- เตรียมพิมพ์: นำแป้งที่พักไว้มารีดให้บางประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ตัดแป้งให้มีขนาดพอเหมาะกับพิมพ์ทาร์ต
- วางแป้งในพิมพ์: กดแป้งลงในพิมพ์ทาร์ตให้แนบสนิท
- เทคัสตาร์ด: เทคัสตาร์ดที่กรองแล้วลงในพิมพ์ทาร์ตจนเต็มประมาณ 3/4 ของพิมพ์
- อบ: นำเข้าเตาอบประมาณ 20-25 นาที หรือจนกว่าคัสตาร์ดจะตั้งตัวและมีสีเหลืองทอง
ขั้นตอนที่ 4: การเสิร์ฟ
- เมื่อทาร์ตไข่สุก ให้พักไว้จนเย็นเล็กน้อย
- สามารถโรยน้ำตาลไอซิ่งหรือผงอบเชยก่อนเสิร์ฟ เพื่อเพิ่มความหอม
- เสิร์ฟทาร์ตไข่ชาไทยในขณะที่ยังอุ่น เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
เคล็ดลับในการทำทาร์ตไข่ชาไทย
- เลือกชาไทยคุณภาพดี: ชาไทยที่ใช้ควรเป็นชาไทยแท้เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น
- ควบคุมอุณหภูมิ: ควรอบที่อุณหภูมิที่พอเหมาะ เพื่อให้แป้งกรอบและคัสตาร์ดตั้งตัวได้ดี
- ทดลองใส่ส่วนผสมเพิ่มเติม: สามารถทดลองใส่เครื่องเทศอื่น ๆ เช่น ชินนามอนหรือการบูร เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมในคัสตาร์ด


วัตถุดิบ
ส่วนผสมสำหรับแป้งทาร์ต
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
- น้ำตาลผง 30 กรัม
- เนยจืด (อุณหภูมิห้อง) 100 กรัม
- ไข่แดง 1 ฟอง
- น้ำเย็น 1-2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสมสำหรับคัสตาร์ดชาเขียว
- ผงชาเขียว (มัทฉะ) 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อน 100 มิลลิลิตร
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำตาล 100 กรัม
- นมสด 200 มิลลิลิตร
- วิปปิ้งครีม 100 มิลลิลิตร
- วานิลลา 1 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำ
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมแป้งทาร์ต
- ผสมแป้ง: ในชามใหญ่ ร่อนแป้งสาลีและเกลือลงไป จากนั้นเติมน้ำตาลผงและผสมให้เข้ากัน
- ใส่เนย: ใส่เนยลงไปในแป้งแล้วนวดด้วยมือจนแป้งมีลักษณะคล้ายเม็ดทราย
- เพิ่มไข่และน้ำ: ใส่ไข่แดงและน้ำเย็นลงไป นวดให้เข้ากันจนได้แป้งเนียนนุ่ม
- พักแป้ง: ห่อแป้งด้วยพลาสติกแล้วพักในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนที่ 2: การทำคัสตาร์ดชาเขียว
- ทำชาเขียว: ผสมผงชาเขียวกับน้ำร้อนแล้วคนให้เข้ากันจนละลาย
- ผสมน้ำตาล: ในชามผสม ใส่ไข่แดงและน้ำตาลลงไป ตีให้เข้ากันจนเนื้อเนียน
- รวมส่วนผสม: ค่อย ๆ เทส่วนผสมชาเขียวลงไปในชามผสมไข่และคนให้เข้ากัน
- ผสมนมและวิปปิ้งครีม: เติมนมสดและวิปปิ้งครีมลงไปแล้วคนให้เข้ากัน
- กรองคัสตาร์ด: กรองคัสตาร์ดผ่านตะแกรงเพื่อให้ได้เนื้อที่เนียนและนุ่ม
ขั้นตอนที่ 3: การประกอบทาร์ตไข่
- เปิดเตาอบ: เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
- เตรียมพิมพ์: นำแป้งที่พักไว้มารีดให้บางประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ใช้พิมพ์วงกลมตัดแป้งให้มีขนาดพอเหมาะกับพิมพ์ทาร์ต
- วางแป้งในพิมพ์: กดแป้งลงในพิมพ์ทาร์ตให้แนบสนิท
- เทคัสตาร์ด: เทคัสตาร์ดที่กรองแล้วลงในพิมพ์ทาร์ตจนเต็มประมาณ 3/4 ของพิมพ์
- อบ: นำเข้าเตาอบประมาณ 20-25 นาที หรือจนกว่าคัสตาร์ดจะตั้งตัวและมีสีเหลืองทอง
ขั้นตอนที่ 4: การเสิร์ฟ
- เมื่อทาร์ตไข่สุก ให้พักไว้จนเย็นเล็กน้อย
- สามารถโรยผงชาเขียวหรือถั่วบดเพื่อเพิ่มความสวยงามก่อนเสิร์ฟ
- เสิร์ฟทาร์ตไข่ชาเขียวในขณะที่ยังอุ่น เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
เคล็ดลับในการทำทาร์ตไขชาเขียว
- เลือกผงชาเขียวคุณภาพดี: ควรใช้ผงชาเขียวที่มีคุณภาพเพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและหอม
- ควบคุมอุณหภูมิ: ควรอบที่อุณหภูมิที่พอเหมาะ เพื่อให้แป้งกรอบและคัสตาร์ดตั้งตัวได้ดี
- เพิ่มรสชาติ: สามารถทดลองเพิ่มวัตถุดิบอื่น ๆ เช่น น้ำผึ้งหรือมะนาวเพื่อเพิ่มรสชาติที่น่าสนใจ
ทาร์ตไข่คาราเมล (Caramel Egg Tart)
ทาร์ตไข่คาราเมล เป็นการผสมผสานระหว่างคัสตาร์ดไข่ที่นุ่มนวลกับรสชาติหวานเข้มของคาราเมล สร้างความอร่อยที่ลงตัวและน่าตื่นเต้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบของหวานที่มีรสชาติที่หลากหลายและซับซ้อน
วัตถุดิบ
ส่วนผสมสำหรับแป้งทาร์ต
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
- น้ำตาลผง 30 กรัม
- เนยจืด (อุณหภูมิห้อง) 100 กรัม
- ไข่แดง 1 ฟอง
- น้ำเย็น 1-2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสมสำหรับคัสตาร์ดไข่
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำตาล 80 กรัม
- นมสด 200 มิลลิลิตร
- วิปปิ้งครีม 100 มิลลิลิตร
- วานิลลา 1 ช้อนชา
ส่วนผสมสำหรับคาราเมล
- น้ำตาล 150 กรัม
- น้ำ 50 มิลลิลิตร
- วิปปิ้งครีม 100 มิลลิลิตร (อุ่นเล็กน้อย)
- เนยจืด 30 กรัม
ขั้นตอนการทำ
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมแป้งทาร์ต
- ผสมแป้ง: ในชามใหญ่ ร่อนแป้งสาลีและเกลือลงไป จากนั้นเติมน้ำตาลผงและผสมให้เข้ากัน
- ใส่เนย: ใส่เนยลงไปในแป้งแล้วนวดด้วยมือจนแป้งมีลักษณะคล้ายเม็ดทราย
- เพิ่มไข่และน้ำ: ใส่ไข่แดงและน้ำเย็นลงไป นวดให้เข้ากันจนได้แป้งเนียนนุ่ม
- พักแป้ง: ห่อแป้งด้วยพลาสติกแล้วพักในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนที่ 2: การทำคัสตาร์ดไข่
- ผสมน้ำตาล: ในชามผสม ใส่ไข่แดงและน้ำตาลลงไป ตีให้เข้ากันจนเนื้อเนียน
- ผสมนมและครีม: เติมนมสดและวิปปิ้งครีมลงไปในส่วนผสมไข่และคนให้เข้ากัน
- กรองคัสตาร์ด: กรองคัสตาร์ดผ่านตะแกรงเพื่อให้ได้เนื้อที่เนียนและนุ่ม
ขั้นตอนที่ 3: การทำคาราเมล
- ทำคาราเมล: ใส่น้ำตาลและน้ำลงในหม้อ แล้วอุ่นที่ไฟปานกลางจนกระทั่งน้ำตาลละลายและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง
- เพิ่มครีมและเนย: เมื่อน้ำตาลเป็นสีน้ำตาลทอง ให้ค่อย ๆ เทวิปปิ้งครีมอุ่นลงไป (ระวังการพ่น) และคนให้เข้ากัน จากนั้นใส่เนยและคนให้ละลายเข้ากัน
- พักคาราเมล: พักให้คาราเมลเย็นเล็กน้อย
ขั้นตอนที่ 4: การประกอบทาร์ตไข่
- เปิดเตาอบ: เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
- เตรียมพิมพ์: นำแป้งที่พักไว้มารีดให้บางประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ใช้พิมพ์วงกลมตัดแป้งให้มีขนาดพอเหมาะกับพิมพ์ทาร์ต
- วางแป้งในพิมพ์: กดแป้งลงในพิมพ์ทาร์ตให้แนบสนิท
- เทคัสตาร์ด: เทคัสตาร์ดที่กรองแล้วลงในพิมพ์ทาร์ตจนเต็มประมาณ 3/4 ของพิมพ์
- เติมคาราเมล: เทคาราเมลลงไปบนคัสตาร์ดให้ทั่ว
- อบ: นำเข้าเตาอบประมาณ 20-25 นาที หรือจนกว่าคัสตาร์ดจะตั้งตัวและมีสีเหลืองทอง
ขั้นตอนที่ 5: การเสิร์ฟ
- เมื่อทาร์ตไข่สุก ให้พักไว้จนเย็นเล็กน้อย
- สามารถโรยเกลือหรือผงโกโก้เพื่อเพิ่มรสชาติได้
- เสิร์ฟทาร์ตไข่คาราเมลในขณะที่ยังอุ่น เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
เคล็ดลับในการทำทาร์ตไข่คาราเมล
- ใช้คาราเมลสดใหม่: ควรทำคาราเมลสดใหม่ในวันทำเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
- ควบคุมอุณหภูมิ: ควรอบที่อุณหภูมิที่พอเหมาะ เพื่อให้แป้งกรอบและคัสตาร์ดตั้งตัวได้ดี
- เก็บรักษา: หากมีคาราเมลเหลือ ควรเก็บในตู้เย็นและอุ่นก่อนเสิร์ฟ

ทาร์ตไข่ช็อกโกแลต (Chocolate Egg Tart)
ทาร์ตไข่ช็อกโกแลต เป็นการผสมผสานระหว่างคัสตาร์ดไข่ที่นุ่มนวลกับรสชาติช็อกโกแลตเข้มข้น ทำให้ได้ขนมหวานที่มีความหวานและรสชาติที่ลงตัว เหมาะสำหรับคนรักช็อกโกแลตและของหวานที่มีความเข้มข้น

วัตถุดิบ
ส่วนผสมสำหรับแป้งทาร์ต
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
- น้ำตาลผง 30 กรัม
- เนยจืด (อุณหภูมิห้อง) 100 กรัม
- ไข่แดง 1 ฟอง
- น้ำเย็น 1-2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสมสำหรับคัสตาร์ดช็อกโกแลต
- ดาร์กช็อกโกแลต (ละลาย) 150 กรัม
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำตาล 80 กรัม
- นมสด 200 มิลลิลิตร
- วิปปิ้งครีม 100 มิลลิลิตร
- วานิลลา 1 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำ
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมแป้งทาร์ต
- ผสมแป้ง: ในชามใหญ่ ร่อนแป้งสาลีและเกลือลงไป จากนั้นเติมน้ำตาลผงและผสมให้เข้ากัน
- ใส่เนย: ใส่เนยลงไปในแป้งแล้วนวดด้วยมือจนแป้งมีลักษณะคล้ายเม็ดทราย
- เพิ่มไข่และน้ำ: ใส่ไข่แดงและน้ำเย็นลงไป นวดให้เข้ากันจนได้แป้งเนียนนุ่ม
- พักแป้ง: ห่อแป้งด้วยพลาสติกแล้วพักในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนที่ 2: การทำคัสตาร์ดช็อกโกแลต
- ละลายช็อกโกแลต: ละลายดาร์กช็อกโกแลตในไมโครเวฟหรือโดยใช้หม้อสองชั้น (double boiler) จนละลายและเนียน
- ผสมไข่: ในชามผสม ใส่ไข่แดงและน้ำตาลลงไป ตีให้เข้ากันจนเนื้อเนียน
- ผสมนมและครีม: เติมนมสดและวิปปิ้งครีมลงไปในส่วนผสมไข่และคนให้เข้ากัน
- รวมช็อกโกแลต: เทช็อกโกแลตที่ละลายลงไปในส่วนผสมไข่แล้วคนให้เข้ากัน
- กรองคัสตาร์ด: กรองคัสตาร์ดผ่านตะแกรงเพื่อให้ได้เนื้อที่เนียนและนุ่ม
ขั้นตอนที่ 3: การประกอบทาร์ตไข่
- เปิดเตาอบ: เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
- เตรียมพิมพ์: นำแป้งที่พักไว้มารีดให้บางประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ใช้พิมพ์วงกลมตัดแป้งให้มีขนาดพอเหมาะกับพิมพ์ทาร์ต
- วางแป้งในพิมพ์: กดแป้งลงในพิมพ์ทาร์ตให้แนบสนิท
- เทคัสตาร์ด: เทคัสตาร์ดที่กรองแล้วลงในพิมพ์ทาร์ตจนเต็มประมาณ 3/4 ของพิมพ์
- อบ: นำเข้าเตาอบประมาณ 20-25 นาที หรือจนกว่าคัสตาร์ดจะตั้งตัวและมีสีเหลืองทอง
ขั้นตอนที่ 4: การเสิร์ฟ
- เมื่อทาร์ตไข่สุก ให้พักไว้จนเย็นเล็กน้อย
- สามารถโรยผงช็อกโกแลตหรือถั่วบดเพื่อเพิ่มความสวยงามก่อนเสิร์ฟ
- เสิร์ฟทาร์ตไข่ช็อกโกแลตในขณะที่ยังอุ่น เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
เคล็ดลับในการทำทาร์ตไข่ช็อกโกแลต
- เลือกช็อกโกแลตคุณภาพดี: ควรใช้ดาร์กช็อกโกแลตที่มีเปอร์เซ็นต์โกโก้สูง เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น
- ควบคุมอุณหภูมิ: ควรอบที่อุณหภูมิที่พอเหมาะ เพื่อให้แป้งกรอบและคัสตาร์ดตั้งตัวได้ดี
- สามารถปรับความหวาน: ปรับความหวานตามชอบ โดยการเพิ่มหรือลดปริมาณน้ำตาลในส่วนผสม
เคล็ดลับเพิ่มเติมของทาร์ตไข่
การทำทาร์ตไข่ให้ได้ผลลัพธ์ที่อร่อยและน่ารับประทานนั้นมีเคล็ดลับหลายประการที่สามารถช่วยให้ทาร์ตไข่ของคุณประสบความสำเร็จตามต้องการ นี่คือเคล็ดลับเพิ่มเติมในการทำทาร์ตไข่:
1. เลือกวัตถุดิบคุณภาพดี
- ไข่: ควรเลือกใช้ไข่สดใหม่ เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดและเนื้อคัสตาร์ดที่นุ่มนวล
- นมและครีม: ใช้นมสดและวิปปิ้งครีมที่มีคุณภาพดี จะทำให้คัสตาร์ดมีรสชาติกลมกล่อมและเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น
2. แป้งทาร์ต
- นวดแป้งอย่างถูกวิธี: อย่าปล่อยให้แป้งนวดนานเกินไป เพราะอาจทำให้แป้งเหนียวและยากต่อการทำให้กรอบ
- พักแป้ง: ควรพักแป้งในตู้เย็นก่อนที่จะนำไปรีด เพื่อให้แป้งเซ็ตตัวและไม่หดตัวเมื่ออบ
3. ทำคัสตาร์ดให้เนียน
- กรองคัสตาร์ด: หลังจากผสมส่วนผสมคัสตาร์ดแล้ว ควรกรองผ่านตะแกรงเพื่อลดฟองอากาศและเศษไข่ที่อาจไม่ละเอียด
- อุ่นส่วนผสม: อุ่นนมและครีมก่อนเทลงในไข่ จะช่วยให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดีขึ้นและลดโอกาสที่ไข่จะสุกทันทีเมื่อถูกทำให้ร้อน
4. อบอย่างถูกต้อง
- อุณหภูมิเตาอบ: ควรตั้งเตาอบที่อุณหภูมิที่พอเหมาะ โดยทั่วไปประมาณ 180-200 องศาเซลเซียส และควรอบจนได้สีทองสวย
- ใช้อ่างน้ำ: อบทาร์ตไข่ในอ่างน้ำ (water bath) สามารถช่วยให้คัสตาร์ดอบได้สม่ำเสมอและลดการแตกของเนื้อคัสตาร์ด
5. พักให้เย็น
- พักทาร์ตหลังอบ: หลังจากอบเสร็จ ควรให้ทาร์ตไข่พักจนเย็นลงเล็กน้อยก่อนนำออกจากพิมพ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อคัสตาร์ดแตก
6. การเสิร์ฟ
- เสิร์ฟร้อนหรืออุ่น: ทาร์ตไข่จะอร่อยที่สุดเมื่อเสิร์ฟร้อนหรืออุ่น สามารถเสิร์ฟคู่กับชา กาแฟ หรือผลไม้สด
7. การทดลองรสชาติ
- ทดลองทำรสชาติใหม่: นอกจากรสชาติดั้งเดิม สามารถลองทำทาร์ตไข่ในหลากหลายรสชาติ เช่น ช็อกโกแลต ชาเขียว ชาไทย เผือก หรือคาราเมล เพื่อสร้างความหลากหลายและน่าสนใจ
8. การเก็บรักษา
- เก็บในตู้เย็น: ทาร์ตไข่ที่เหลือสามารถเก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วัน แต่ควรอุ่นให้ร้อนอีกครั้งก่อนเสิร์ฟเพื่อให้เนื้อคัสตาร์ดนุ่มนวล
การปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถทำทาร์ตไข่ที่อร่อย น่ารับประทาน และมีคุณภาพได้ตามต้องการ
เครื่องจักรสำหรับเตรียมเนื้อหมู
- เตาอบ เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำอาหารและขนมอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการทำทาร์ตไข่ ที่ต้องการอุณหภูมิและการอบที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- เครื่องตอกไข่ไก่ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับตอกไข่ไก่ให้แตกออกจากเปลือกเพื่อสะดวกในการใช้งานในครัว โดยเครื่องตอกไข่ไก่มีหลายประเภท ทั้งที่ใช้มือและอัตโนมัติ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการทำอาหารหรือขนมอบ