1. ช่วยระบบย่อยอาหาร
แก้วมังกรเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ยอดเยี่ยม ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้และทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างราบรื่น ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกสามารถรับประทานแก้วมังกรเพื่อช่วยเพิ่มกากใยในอาหารได้ นอกจากนี้ แก้วมังกรยังมีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ (Probiotics) ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพทางเดินอาหาร
2. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
วิตามินซีในแก้วมังกรช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นด่านหน้าในการป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงของการอักเสบในร่างกาย
3. ช่วยลดน้ำหนักและควบคุมน้ำตาลในเลือด
ด้วยดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low Glycemic Index) การรับประทานแก้วมังกรจะไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ ไฟเบอร์ในแก้วมังกรยังช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหารระหว่างวัน
4. บำรุงผิวพรรณและต้านริ้วรอย
สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบตาแคโรทีน (Beta-Carotene) และวิตามินซีในแก้วมังกรช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายจากมลภาวะและแสงแดด นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์
5. ช่วยบำรุงหัวใจ
เมล็ดแก้วมังกรอุดมไปด้วยกรดไขมันดี เช่น โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ซึ่งมีบทบาทในการลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
6. ปรับสมดุลระบบเผาผลาญ
แก้วมังกรเป็นแหล่งของแมกนีเซียมที่ช่วยเสริมการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ทำให้ลดความเครียดและความอ่อนเพลียได้
7. ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
สารเบตาไซยานิน (Betacyanin) ซึ่งเป็นสารให้สีแดงในแก้วมังกร มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร
8. บำรุงกระดูกและฟัน
ฟอสฟอรัสและแคลเซียมในแก้วมังกรช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน รวมถึงลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนในวัยสูงอายุ